ข้อความต้นฉบับในหน้า
หนึ่งในจำนวนครูบาอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นก็ได้ปฏิปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นพระพุทธองค์นี้คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุณี (สด จนฺทสโร) ผู้ศึกษาค้นคว้าทั้งหลายเรียกท่านว่า "หลวงปู่ปภากร ภาฯเจริญ...พระผู้ปราบมาร" ซึ่งตลอดระยะเวลา ๑๐ พระช ในสมผ้ากาสาวพัตต์ หลวงปู่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยทั้งภาคปฏิบัติและภาคปฏิบัติ จนเป็นแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติ แต่ถึงกระนั้น ความมุ่งหมายในการบวช คือ การบรรลุมรรคผลนิพพาน ท่านเห็นว่าถึงทำได้ไม่ถึงที่สุด ดังนั้นในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ กลางพระรามที่ ๑๒ ปีพุทธศก ๒๕๐๐ ท่านจึงได้รับราบกวัดท่านเองว่า...
"เราบวชมาจวบจนจะครบ ๑๒ พรรษาแล้ว วิชชาของพระพุทธเจ้าเรายังไม่ได้บรรลุเลย ทั้งที่การศึกษาของเราไม่เคยขาดเลยสักนิดทั้งคณาจาระและวิชาอสนธุ อย่าเลย ควรจะรีบกระทำความเพียรให้รู้เห็นของจริงในพระพุทธศาสนาเสียที"
ในคำคืนนี้ ณ วัดโบสถ์น ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ท่านได้ตั้งสัตย์อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธปฏิมา ว่า...
"ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรด ข้าพระพุทธเจ้า ทรงปฏฺบัติธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อย่างน้อยที่สุดแล้วง่ายที่สุด ที่ขอองค์ได้ทรงรู้และแก้ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้า ธรรมจักษุธรรมของพระองค์แล้ว จักเป็นโทษแก่คนาบนพระองค์แล้ว ข้อพระองค์อย่างพระราชทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่คนบนพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานแก่ ข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานเป็นนายศาสนาในอาณาจักรของพระองค์ตลอดชีวิต
หลังจากนั้น ท่านจึงได้เริ่มหลังจากทำความว่านดำเนินจิตใจเข้าไปสู่ภายในตามเส้นทางมรรคมาปฏิบัติ จนในที่สุดได้เข้าถึง “พระธรรมภายใน” พระรัตนตรัยภายใน เป็นธรรมธาตุอันบริสุทธิ์ เห็นถึงความตั้งอยู่ และความเป็นไปตามธรรมดาด้วย “ธรรมจักษุ”
๔ อยู่ในบุญ กันยายน ๒๕๑๑