ข้อความต้นฉบับในหน้า
ถ้ามไม่มีการทอดผ้าป่าเกิดขึ้น พระภิษุสงฆ์ในยุคนี้ก็จะลำบากกันมาก เนื่องจากต้องตรากตรำไปหา ผ้าชาวบ้านทุ่มเดียวกันเหมือนยุคตุ๊กตา เพราะว่าพระจะได้ผ้าไตรจิ้มแต่ละชุด ท่านต้องไปเก็บเศษผ้าชาวบ้านทั้งแล้วจากกองขยะบ้าง ผ้าห่อศพในป่าบ้าง ซึ่งเรืเรียกผ้าพวกนี้ว่า “ผ้าป่า” เพราะเอามาจากป่า หรือ “ผ้าสุลกุล” ที่แปลว่า “ผ้เปื้อนฝุ่น” แต่ว่า..การไปหาผ้าพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าจะแปรวมรวมเศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนพอเย็บเป็นผืน ก็เล่นเอาหน่อย แถมเศษผ้ายังเป็นสิ่งปฏิกูล สกปรกมาก ๆ ซึ่งต้องเอามาชัก ตาก แล้วนำมาดัด เย็บ ย้อม เพื่อทำเป็นจีวร สง หรืออสังฆ์ และกว่าจะแตะได้แต่ละผืนเลือดตามบทกะเด็นกันเลย
เหตุการณ์เป็นอย่างนี้รึม่าน จนกระทั่งวันหนึ่ง พระอนุสรทเถร (พระอรณ์ดู่ผู้เป็นเลิศทางด้านมีตําทัพ) ท่านใช้วิจารณอย่างมาก จึงต้องหาผ้ามาทำจีวรผืนใหม่ โดยทะนว่าท่านกำลังไปหาเศษผ้าจากกองขยะย่อม (กองขยะ) เทพิดดานิสก็เห็นด้วยตําทัพ (เทพิดาดานิส เป็นเทพยิ่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชาติก่อน ๆ เคยเกิดเป็นราษฎรของพระอนุสรทเถร) และด้วยความที่ไม่อยากให้พระอนุสรทเถรลำบาก เธอจึงใบอาญุโดยเอาผ้าทํิปายไว้บางในกองหยากเยื่อบริเวณที่พระอนุสรทเถรจะเดินผ่าน เพื่อให้นำกลับไปทำจีวร