ชาดก 500 ชาติ
สมุททชาดก-ชาดกว่าด้วยสมุทรสาคร
พระภิกษุอุปนันทะผู้มีนิสัยมักมากในการขบฉันอาหารครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงเอ่ยถึงภิกษุอุปนันทะ ซึ่งเป็นภิกษุเชื้อสายศากยวงศ์รูปหนึ่งว่าเป็นผู้มีวิสัยมักมากในอาหาร
ขบฉัน มีจิตโลภในจีวรและของใช้ “ มีแต่ผ้าเนื้อดีทั้งนั้น ข้าวของก็มากมายคงใช้ได้หลายเดือนสบาย ๆ ”ภิกษุอุปนันทะผู้มีจิตโลภในจีวรและข้าวของเครื่องใช้ภิกษุผู้นี้เมื่อบวชเป็นภิกษุแล้วยังประพฤติตนเป็นหนี้ก้อนข้าวของชาวบ้านอยู่ เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษาพระภิกษุรูปอื่น ๆ จำพรรษาอยู่ในพระนครสาวัตถี แต่ภิกษุ
อุปนันทะมักเที่ยวไปในอาวาสต่าง ๆ เพื่อหวังได้บริขารกลับมา โดยอ้างถึงความเป็นอริยวงศ์ให้ภิกษุทั้งหลายมักน้อยสันโดษสละบริขารที่เกินจำเป็นออก แล้วตน
ก็นำเอามาเป็นของตนทั้งหมดช่วงเวลาเข้าพรรษาภิกษุอุปนันทะมักจะท่องเที่ยวไปในอาวาสต่าง ๆ
“ ท่านภิกษุเราเป็นผู้หลุดแล้วซึ้งกิเลส แต่ใยท่านจึงมีจีวรมากมายนักล่ะ ” “ อ่อ จีวรนั่นมีผู้ให้มา อันตัวกระผมนี้ก็ใช้อยู่ไม่กี่ผืนท่านแบ่งเอาไปใช้บ้างเถิด ”
“ ผ้างาม ๆ ทั้งนั้นน่าจะห่มสบาย อันนี้ก็นุ่ม อันนั้นก็งาม ” “ ท่านภิกษุ ท่านออกบวชเพื่อหวังสิ่งใดหรือ ”
ภิกษุอุปนันทะมักกล่าวสอนให้พระรูปอื่น ๆ มักน้อยสันโดษ“ ผมหวังที่จะตัดขาดจากจากกิเลสและบรรลุธรรม ถ้าอย่างนั้น บริขารมากมายเหล่านั้น ท่านจะมีไว้ทำอะไรหรือ ใยถึงไม่สละกิเลสเพื่อให้เกิดมรรคผลเล่า ”
“ขอบคุณท่านที่ช่วยตักเตือนผมไม่ควรมีบริขารมากมายจริง ๆ ท่านช่วยแบ่งไปใช้บ้างได้ไหม ”
ภิกษุอุปนันทะมักได้รับจีวรและเครื่องใช้จากพระรูปอื่นอยู่เสมอ“ อือหือ ได้ข้าวของเครื่องใช้อีกตั้งเยอะแน่ะ อันนี้ก็น่าใช้ มีของอย่างนี้สบายเลยเรา ” เมื่อพระอุปนันทะประพฤติเช่นนี้หลายครั้งเข้า ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนา
ของภิกษุรูปอื่น ๆ “ ท่านทั้งหลายภิกษุอุปนันทะศากยบุตรนั้น ประพฤติตนเป็นผู้มักมากอย่างยิ่ง
ภิกษุอุปนันทะได้ชื่นชมกับข้าวของที่ตนได้สะสมเอาไว้อย่างมากมายแต่บอกสอนผู้อื่นให้มักน้อย แล้วเอาสมณะบริขารมาจากที่ต่าง ๆ สะสมไว้มากมายไม่เป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใสเลย ” “ ใช่ ๆ ในกุฏิของภิกษุอุปนันทะเก็บบริขาร
ต่าง ๆ ไว้ตั้งมากมาย ทั้งจีวรและข้าวของเครื่องใช้ ” เมื่อพระศาสดาทรงทราบเรื่องที่หมู่ภิกษุสนทนากันแล้วจึงตรัสติเตียนขึ้นมาว่า
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระอุปนันทะ“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปนันทะกล่าวถึงอริยวงศ์แก่ผู้อื่น แต่ตนกลับกระทำการมักมากอันไม่สมควรเลย ทั้งที่จริงตนควรจะเป็นผู้มักน้อยก่อนแล้วค่อยกล่าวสอน
อริยวงศ์แก่ผู้อื่นภายหลัง เพราะบุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วค่อยพร่ำสอนผู้อื่นในภายหลัง จะไม่เศร้าหมอง
พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่า สมุททชาดก แก่หมู่ภิกษุสงฆ์แต่อุปนันทะนี้มิใช่เป็นผู้มักมากแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็โลภมาก หวังได้มหาสมุทรทั้งหมดไว้เป็นของตนมาแล้ว ” เมื่อกล่าวจบแล้วพระองค์
จึงทรงตรัสเล่า สมุททชาดกดังนี้ ณ ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เหล่าฝูงสัตว์อันมากมายต่างดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ทั้งฝูงนกกา
ณ ท้องทะเลกว้างใหญ่ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำอาศัยอยู่รวมกันอย่างมีความสุขและปลาที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเล สัตว์ทุกตัวล้วนอาศัยทะเลเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย ในครั้งนั้นมีนกกาน้ำตัวหนึ่งอาศัยแหล่งน้ำทะเลเป็นที่อยู่และหาอาหาร
เช่นกัน “ โอ้ย หิวแล้วนะนี่ หาปลากินสักตัวดีกว่าวันนี้ ” เหล่าฝูงปลาก็อาศัยอยู่ในทะเลร่วมกันอย่างมีความสุข “ วันนี้น้ำเย้น เย็น หาสาหร่ายกินสักหน่อยก็คงจะดีนะ
แล้วค่อยว่ายน้ำต่อ ”
ฝูงปลาและสัตว์ทะเลต่างออกหากินในท้องทะเลตามธรรมชาติของมันฝูงนกที่อาศัยบนเกาะกลางทะเลก็อาศัยทะเลเป็นน้ำดื่มกินเช่นกัน “ จิ๊บ ๆ ๆ หิวน้ำ ๆ อุ้ย ดีจังเลยมีสาหร่ายลอยมาด้วยได้อาหารมื้อใหญ่แล้วเรา ” “ หิวน้ำจัง
น้ำทะเลนี้ชื่นใจจริง ๆ เล้ย ดื่มกินเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ อร่อย ๆ เค็ม ๆ อร่อยดี ” วันหนึ่งเมื่อนกกาน้ำกำลังดื่มน้ำทะเลอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนกฝูงอื่น
กำลังดื่มกินน้ำทะเลเหมือนมันอยู่เช่นกัน
ฝูงนกทั้งหลายก็อาศัยทะเลเป็นแหล่งน้ำและแหล่งอาหารของพวกมัน“ ห๊ะ นกตัวอื่น ๆ ก็กินน้ำทะเลเหมือนเราด้วยหรือนี่ โอ้ยตายแล้ว ๆ โอ้ยทั้งกินทั้งเล่นสิ้นเปลืองจริง ๆ เลย เห็นแล้วทนไม่ได้ กาเห็นแล้วทนไม่ได้ ” นกกาน้ำ
รู้สึกตกใจมากที่เห็นนกก็กินน้ำทะเลเหมือนกัน มันก็ยิ่งวิตกขึ้นไปอีก เมื่อวันหนึ่งมันเห็นฝูงปลาในทะเลกินน้ำทะเลเหมือนกันนกกาน้ำตัวหนึ่งกำลังคิดว่าตนจะเก็บน้ำทะเลเอาไว้กินเองเพียงตัวเดียว“ ปลาพวกนี้ก็กินน้ำทะเลนะเนี่ย ตายแล้ว ตายแล้ว ตายแล้ว ฝูงปลาตั้งหลายตัวกินกันขนาดนี้แล้วจะมีน้ำทะเลเหลือให้เรากินไหมเนี่ย ” (โอ้ย ถ้าปล่อยให้
เป็นอย่างนี้ต่อไปต้องแย่แน่ ๆ เลย นกก็กิน ปลาก็กิน อีกหน่อยน้ำทะเลก็หมดกันพอดี น้ำทะเลของฉัน ไม่ได้ ๆ เราต้องเก็บน้ำทะเลนี้ไว้กินคนเดียวต้องทำอะไร
สักอย่างแล้ว
นกกาน้ำได้บอกพวกนกต่าง ๆ ให้กินน้ำทะเลให้น้อยลง
ด้วยความเห็นแก่ตัว เจ้านกกาน้ำก็เริ่มแผนการรักษาน้ำทะเลไว้ให้มันกินตัวเดียว “ เจ้านกเอ๋ย เจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ละเนี่ย ” “ อ้าวเจ้ากานี่เอง ข้าก็กำลังกินน้ำ
อยู่นะสิ ถามมาได้ ” “ แล้วทำไมเจ้าถึงได้กินน้ำทะเลสิ้นเปลืองกันนักล่ะ ทำไมเจ้าไม่ค่อย ๆ กินกันที่ละนิด ทีละนิด เพื่อจะได้ประหยัดน้ำไว้ดื่มกินกันนาน ๆ ล่ะ
หากเจ้ากินสิ้นเปลืองอย่างนี้อีกหน่อยน้ำทะเลคงจะหมดแน่ ๆ เลย ”นกกาน้ำได้บอกให้สัตว์ต่างๆ ช่วยกันกินและใช้น้ำทะเลอย่างประหยัด“ จริง ๆ เหรอ ได้ ๆ ต่อไปข้าจะกินอย่างประหยัด ” เมื่อเจ้ากาคุยกับนกสำเร็จ มันก็คุยกับฝูงปลาและสัตว์อื่น ๆ ที่กินน้ำทะเลไปเรื่อย ๆ “ ท่านทั้งหลายจงดื่มกิน
น้ำทะเลเพียงเล็กน้อยเถอะ ช่วยกันประหยัดน้ำทะเลด้วยนะท่าน ” “ ทำไมต้องประหยัดด้วยละท่านกา ทะเลก็ออกจะกว้างใหญ่ น้ำทะเลก็เยอะแยะ พวกเรากินกัน
แค่นี้มันคงไม่มีทางหมดไปได้หรอก ”
นกทั้งหลายต่างพากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยเพราะเกรงว่าน้ำทะเลจะหมดไป
“ นั่นก็เป็นเพราะว่าท่านอยู่แต่ในใต้ท้องทะเล ไม่รู้อะไร นอกจากพวกท่านแล้วก็ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกเยอะแยะเลยนะที่อาศัยดื่มกินน้ำทะเลนี่อยู่ และหากสัตว์ทุกตัว
คิดเหมือนท่านสักวันหนึ่งน้ำทะเลก็คงจะหมดกันแน่ ๆ เลย ” “ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงต่อไปนี้พวกเราจะกินน้ำอย่างประหยัด ” เมื่อคุยกันสัตว์อื่น ๆ เรียบร้อยแล้วเจ้ากา
ก็บินสำรวจผลงานของมัน
พวกปลาทั้งหลายต่างก็พากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยนิดตามคำบอกของนกกาน้ำ“ ดีมาก เมื่อทั้งนกทั้งกากินน้ำทะเลตัวละนิด เราก็จะมีน้ำทะเลไว้กินมากมายไม่มีวันหมด ฉลาดจริง ๆ เลยเรา ” “ จิบไปนิดเดียวพอแหละ เดี๋ยวน้ำทะเลหมด แต่ยัง
หิวน้ำอยู่เลย โห กินยังไม่จุใจเลย ” “ เฮ้ย กินน้ำที่ละนิด ๆ อย่างนี้ลำบากจังเลย กินนิดเดียวจะไปลดความกระหายได้ยังไง กินเยอะน้ำทะเลก็จะหมดอีก เฮ้ย ลำบาก
จริง ๆ เลย ”
เทวดาผู้รักษาท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกสัตว์ทั้งหลายเทวดาที่รักษาท้องทะเลอันกว้างใหญ่นั้นได้เห็นพฤติกรรมของเจ้ากาเห็นแก่ตัวทั้งหมด จึงสงสารสัตว์อื่น ๆ ที่ต้องกินน้ำทะเลอย่างประหยัด “ เอ้ เจ้ากาบอกให้สัตว์
ทั้งหลายกินน้ำอย่างประหยัด ทำไมตัวเองถึงกินได้สิ้นเปลืองกว่าใคร ” เมื่อเทวดาเห็นพฤติกรรมของเจ้านกกาน้ำที่ขัดกับคำพูดของของมัน จึงเกิดความสงสัย
“ เจ้ากาเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องไปเที่ยวร้องเตือนฝูงสัตว์ ฝูงปลาให้กินน้ำอย่างประหยัดล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรของเจ้ารึ ”
เทวดาได้สอบถามนกกาน้ำถึงเหตุที่มันออกอุบายสั่งสัตว์ทั้งหลายให้ดื่มน้ำทะเลน้อยลง“ ท่านเทวดา ข้าคือนกกาน้ำผู้กินจุ ข้าต้องการจะดื่มน้ำทะเลนี้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าสัตว์ตัวอื่น ๆ กินกันเยอะ ๆ อย่างนี้ ข้ากลัวว่าน้ำทะเลจะหมดเสียก่อน ข้าจึง
ร้องห้ามยังไงละท่าน ” เทวดาได้ฟังอย่างนั้นก็รู้ว่านกกาน้ำนี้เป็นนกที่เห็นแก่ตัวจึงเตือนสติไปว่า “ การคิดอย่างนี้เป็นการเห็นแก่ตัวนะ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้ำทะเล
มันจะหมดเทวดาได้เตือนนกกาน้ำถึงการกระทำที่เห็นแก่ตัวของมันลำพังตัวเจ้าเอง ตัวแค่นี้จะดื่มมันหมดเชียวรึ ไม่เผื่อแผ่คนอื่นด้วย ” “ ข้ามั่นใจนะท่านเทวดา ว่าสักวันน้ำทะเลจะต้องหมดแน่ ๆ ข้าจึงต้องให้ทุกตัวดื่มให้น้อย
น้ำทะเลจะได้อยู่นาน ๆ ข้าจะได้มีน้ำดื่มยังไงล่ะ ”
เทวดาแปลงเป็นยักษ์และได้ขับไล่นกกาน้ำให้ไปอยู่ที่อื่น“ ทะเลใหญ่จะลดลงหรือเต็มอยู่เสมอก็ตามไม่อาจมีใครหยั่งรู้ได้ อันว่าน้ำทะเลกว้างใหญ่ใครก็ไม่อาจดื่มให้หมดสิ้นไปได้ ” เทวดาเมื่อเห็นว่าเจ้ากาไม่ยอม
รับคำเตือนและเห็นแก่ตัวเช่นนี้ จึงแปลงร่างเป็นยักษ์ตัวใหญ่แล้วขับไล่นกกาน้ำตัวนั้นให้หนีไปจากท้องทะเลนั้น “ ไป เจ้าจงไปอยู่ที่อื่นซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคน
เห็นแก่ตัวอย่างเจ้า ไป ”นกกาน้ำได้บินหนีไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้กลับมาที่เดิมอีกเลย“ ยักษ์ ยักษ์ ยักษ์ตัวโตน่ากลัว โอ้ย โอ้ย โอ้ยน่ากลัวจังเลย ” เจ้ากาโดนเทวดาแปลงเป็นยักษ์ขับไล่ มันบินหนีไปแล้วไม่กลับมาที่ท้องทะเลนั้นอีกเลย “ เย้ ๆ ในที่สุด
ก็ได้กินน้ำ ได้กลับมาเล่นน้ำ มีความสุขจังเลย ”
สัตว์น้ำและสัตว์บกต่างกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขอีกครั้ง“ น้ำทะเลตั้งเยอะแยะ เราเป็นปลาตัวนิดเดียว กินใช้แค่นี้จะหมดไปได้ยังไง กินน้ำเยอะ ๆ ไปเลยดีกว่าสบายใจ ” เมื่อเจ้ากาจากไปแล้วฝูงนกฝูงปลาที่อาศัย
อยู่ในทะเลนั้น ก็อยู่กันอย่างปกติเป็นสุข ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป
กาสมุทรในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระอุปนันทะเทวดาผู้รักษาท้องทะเล เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สมุททชาดก ชาดกว่าด้วยสมุทรสาคร
“ เจ้ากาเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องไปเที่ยวร้องเตือนฝูงสัตว์ ฝูงปลาให้กินน้ำอย่างประหยัดล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรของเจ้ารึ ” “ ท่านเทวดา ข้าคือนกกาน้ำผู้กินจุ ข้าต้องการจะดื่มน้ำทะเลนี้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าสัตว์ตัวอื่น ๆ กินกันเยอะ ๆ อย่างนี้ ข้ากลัวว่าน้ำทะเลจะหมดเสียก่อน ข้าจึงร้องห้ามยังไงละท่าน ” https://dmc.tv/a27414
บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ[ 22 ต.ค. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]
บทความอื่นๆ ในหมวด
ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งเกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ