สมุททชาดก ชาดกว่าด้วยสมุทรสาคร

“ เจ้ากาเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องไปเที่ยวร้องเตือนฝูงสัตว์ ฝูงปลาให้กินน้ำอย่างประหยัดล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรของเจ้ารึ ” “ ท่านเทวดา ข้าคือนกกาน้ำผู้กินจุ ข้าต้องการจะดื่มน้ำทะเลนี้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าสัตว์ตัวอื่น ๆ กินกันเยอะ ๆ อย่างนี้ ข้ากลัวว่าน้ำทะเลจะหมดเสียก่อน ข้าจึงร้องห้ามยังไงละท่าน ” https://dmc.tv/a27414

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 22 ต.ค. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]

ชาดก 500 ชาติ

สมุททชาดก-ชาดกว่าด้วยสมุทรสาคร

พระภิกษุอุปนันทะผู้มีนิสัยมักมากในการขบฉันอาหาร
 
พระภิกษุอุปนันทะผู้มีนิสัยมักมากในการขบฉันอาหาร
  
       ครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงเอ่ยถึงภิกษุอุปนันทะ ซึ่งเป็นภิกษุเชื้อสายศากยวงศ์รูปหนึ่งว่าเป็นผู้มีวิสัยมักมากในอาหาร
ขบฉัน มีจิตโลภในจีวรและของใช้ “ มีแต่ผ้าเนื้อดีทั้งนั้น ข้าวของก็มากมายคงใช้ได้หลายเดือนสบาย ๆ ”
 
ภิกษุอุปนันทะผู้มีจิตโลภในจีวรและข้าวของเครื่องใช้
 
 ภิกษุอุปนันทะผู้มีจิตโลภในจีวรและข้าวของเครื่องใช้
 
        ภิกษุผู้นี้เมื่อบวชเป็นภิกษุแล้วยังประพฤติตนเป็นหนี้ก้อนข้าวของชาวบ้านอยู่ เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษาพระภิกษุรูปอื่น ๆ จำพรรษาอยู่ในพระนครสาวัตถี แต่ภิกษุ
อุปนันทะมักเที่ยวไปในอาวาสต่าง ๆ เพื่อหวังได้บริขารกลับมา โดยอ้างถึงความเป็นอริยวงศ์ให้ภิกษุทั้งหลายมักน้อยสันโดษสละบริขารที่เกินจำเป็นออก แล้วตน
ก็นำเอามาเป็นของตนทั้งหมด
 
ช่วงเวลาเข้าพรรษาภิกษุอุปนันทะมักจะท่องเที่ยวไปในอาวาสต่าง ๆ
 
ช่วงเวลาเข้าพรรษาภิกษุอุปนันทะมักจะท่องเที่ยวไปในอาวาสต่าง ๆ

       “ ท่านภิกษุเราเป็นผู้หลุดแล้วซึ้งกิเลส แต่ใยท่านจึงมีจีวรมากมายนักล่ะ ” “ อ่อ จีวรนั่นมีผู้ให้มา อันตัวกระผมนี้ก็ใช้อยู่ไม่กี่ผืนท่านแบ่งเอาไปใช้บ้างเถิด ”
“ ผ้างาม ๆ ทั้งนั้นน่าจะห่มสบาย อันนี้ก็นุ่ม อันนั้นก็งาม ” “ ท่านภิกษุ ท่านออกบวชเพื่อหวังสิ่งใดหรือ ”

ภิกษุอุปนันทะมักกล่าวสอนให้พระรูปอื่น ๆ มักน้อยสันโดษ
 
 ภิกษุอุปนันทะมักกล่าวสอนให้พระรูปอื่น ๆ มักน้อยสันโดษ

        “ ผมหวังที่จะตัดขาดจากจากกิเลสและบรรลุธรรม ถ้าอย่างนั้น บริขารมากมายเหล่านั้น ท่านจะมีไว้ทำอะไรหรือ ใยถึงไม่สละกิเลสเพื่อให้เกิดมรรคผลเล่า ”
“ขอบคุณท่านที่ช่วยตักเตือนผมไม่ควรมีบริขารมากมายจริง ๆ ท่านช่วยแบ่งไปใช้บ้างได้ไหม ”

ภิกษุอุปนันทะมักได้รับจีวรและเครื่องใช้จากพระรูปอื่นอยู่เสมอ
 
 ภิกษุอุปนันทะมักได้รับจีวรและเครื่องใช้จากพระรูปอื่นอยู่เสมอ

       “ อือหือ ได้ข้าวของเครื่องใช้อีกตั้งเยอะแน่ะ อันนี้ก็น่าใช้ มีของอย่างนี้สบายเลยเรา ” เมื่อพระอุปนันทะประพฤติเช่นนี้หลายครั้งเข้า ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนา
ของภิกษุรูปอื่น ๆ “ ท่านทั้งหลายภิกษุอุปนันทะศากยบุตรนั้น ประพฤติตนเป็นผู้มักมากอย่างยิ่ง

 
ภิกษุอุปนันทะได้ชื่นชมกับข้าวของที่ตนได้สะสมเอาไว้อย่างมากมาย
 
 ภิกษุอุปนันทะได้ชื่นชมกับข้าวของที่ตนได้สะสมเอาไว้อย่างมากมาย

       แต่บอกสอนผู้อื่นให้มักน้อย แล้วเอาสมณะบริขารมาจากที่ต่าง ๆ  สะสมไว้มากมายไม่เป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใสเลย ” “ ใช่ ๆ ในกุฏิของภิกษุอุปนันทะเก็บบริขาร
ต่าง ๆ ไว้ตั้งมากมาย ทั้งจีวรและข้าวของเครื่องใช้ ” เมื่อพระศาสดาทรงทราบเรื่องที่หมู่ภิกษุสนทนากันแล้วจึงตรัสติเตียนขึ้นมาว่า

 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระอุปนันทะ
 
 เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระอุปนันทะ
 
       “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปนันทะกล่าวถึงอริยวงศ์แก่ผู้อื่น แต่ตนกลับกระทำการมักมากอันไม่สมควรเลย ทั้งที่จริงตนควรจะเป็นผู้มักน้อยก่อนแล้วค่อยกล่าวสอน
อริยวงศ์แก่ผู้อื่นภายหลัง เพราะบุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วค่อยพร่ำสอนผู้อื่นในภายหลัง จะไม่เศร้าหมอง
 
พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่า สมุททชาดก แก่หมู่ภิกษุสงฆ์
 
พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่า สมุททชาดก แก่หมู่ภิกษุสงฆ์
     
        แต่อุปนันทะนี้มิใช่เป็นผู้มักมากแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็โลภมาก หวังได้มหาสมุทรทั้งหมดไว้เป็นของตนมาแล้ว ” เมื่อกล่าวจบแล้วพระองค์
จึงทรงตรัสเล่า สมุททชาดกดังนี้ 
ณ ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เหล่าฝูงสัตว์อันมากมายต่างดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ทั้งฝูงนกกา
 
ณ ท้องทะเลกว้างใหญ่ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำอาศัยอยู่รวมกันอย่างมีความสุข
 
 ณ ท้องทะเลกว้างใหญ่ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำอาศัยอยู่รวมกันอย่างมีความสุข
 
      และปลาที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเล สัตว์ทุกตัวล้วนอาศัยทะเลเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย ในครั้งนั้นมีนกกาน้ำตัวหนึ่งอาศัยแหล่งน้ำทะเลเป็นที่อยู่และหาอาหาร
เช่นกัน “ โอ้ย หิวแล้วนะนี่ หาปลากินสักตัวดีกว่าวันนี้ ” เหล่าฝูงปลาก็อาศัยอยู่ในทะเลร่วมกันอย่างมีความสุข “ วันนี้น้ำเย้น เย็น หาสาหร่ายกินสักหน่อยก็คงจะดีนะ
แล้วค่อยว่ายน้ำต่อ ”
 
ฝูงปลาและสัตว์ทะเลต่างออกหากินในท้องทะเลตามธรรมชาติของมัน
 
ฝูงปลาและสัตว์ทะเลต่างออกหากินในท้องทะเลตามธรรมชาติของมัน       

       ฝูงนกที่อาศัยบนเกาะกลางทะเลก็อาศัยทะเลเป็นน้ำดื่มกินเช่นกัน “ จิ๊บ ๆ ๆ หิวน้ำ ๆ อุ้ย ดีจังเลยมีสาหร่ายลอยมาด้วยได้อาหารมื้อใหญ่แล้วเรา ” “ หิวน้ำจัง
น้ำทะเลนี้ชื่นใจจริง ๆ เล้ย ดื่มกินเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ อร่อย ๆ เค็ม ๆ อร่อยดี ” วันหนึ่งเมื่อนกกาน้ำกำลังดื่มน้ำทะเลอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนกฝูงอื่น
กำลังดื่มกินน้ำทะเลเหมือนมันอยู่เช่นกัน

 
ฝูงนกทั้งหลายก็อาศัยทะเลเป็นแหล่งน้ำและแหล่งอาหารของพวกมัน
 
ฝูงนกทั้งหลายก็อาศัยทะเลเป็นแหล่งน้ำและแหล่งอาหารของพวกมัน       

       “ ห๊ะ นกตัวอื่น ๆ ก็กินน้ำทะเลเหมือนเราด้วยหรือนี่ โอ้ยตายแล้ว ๆ โอ้ยทั้งกินทั้งเล่นสิ้นเปลืองจริง ๆ เลย เห็นแล้วทนไม่ได้ กาเห็นแล้วทนไม่ได้ ” นกกาน้ำ
รู้สึกตกใจมากที่เห็นนกก็กินน้ำทะเลเหมือนกัน มันก็ยิ่งวิตกขึ้นไปอีก เมื่อวันหนึ่งมันเห็นฝูงปลาในทะเลกินน้ำทะเลเหมือนกัน

 
นกกาน้ำตัวหนึ่งกำลังคิดว่าตนจะเก็บน้ำทะเลเอาไว้กินเองเพียงตัวเดียว    
 
นกกาน้ำตัวหนึ่งกำลังคิดว่าตนจะเก็บน้ำทะเลเอาไว้กินเองเพียงตัวเดียว
   
      “ ปลาพวกนี้ก็กินน้ำทะเลนะเนี่ย ตายแล้ว ตายแล้ว ตายแล้ว ฝูงปลาตั้งหลายตัวกินกันขนาดนี้แล้วจะมีน้ำทะเลเหลือให้เรากินไหมเนี่ย ” (โอ้ย ถ้าปล่อยให้
เป็นอย่างนี้ต่อไปต้องแย่แน่ ๆ เลย นกก็กิน ปลาก็กิน อีกหน่อยน้ำทะเลก็หมดกันพอดี น้ำทะเลของฉัน ไม่ได้ ๆ เราต้องเก็บน้ำทะเลนี้ไว้กินคนเดียวต้องทำอะไร
สักอย่างแล้ว

นกกาน้ำได้บอกพวกนกต่างๆ ให้กินน้ำทะเลให้น้อยลง

นกกาน้ำได้บอกพวกนกต่าง ๆ ให้กินน้ำทะเลให้น้อยลง    

       ด้วยความเห็นแก่ตัว เจ้านกกาน้ำก็เริ่มแผนการรักษาน้ำทะเลไว้ให้มันกินตัวเดียว “ เจ้านกเอ๋ย เจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ละเนี่ย ” “ อ้าวเจ้ากานี่เอง ข้าก็กำลังกินน้ำ
อยู่นะสิ ถามมาได้ ” “ แล้วทำไมเจ้าถึงได้กินน้ำทะเลสิ้นเปลืองกันนักล่ะ ทำไมเจ้าไม่ค่อย ๆ กินกันที่ละนิด ทีละนิด เพื่อจะได้ประหยัดน้ำไว้ดื่มกินกันนาน ๆ ล่ะ
หากเจ้ากินสิ้นเปลืองอย่างนี้อีกหน่อยน้ำทะเลคงจะหมดแน่ ๆ เลย ”
 
นกกาน้ำได้บอกให้สัตว์ต่างๆ ช่วยกันกินและใช้น้ำทะเลอย่างประหยัด
 
นกกาน้ำได้บอกให้สัตว์ต่างๆ ช่วยกันกินและใช้น้ำทะเลอย่างประหยัด
 
        “ จริง ๆ เหรอ ได้ ๆ ต่อไปข้าจะกินอย่างประหยัด ” เมื่อเจ้ากาคุยกับนกสำเร็จ มันก็คุยกับฝูงปลาและสัตว์อื่น ๆ ที่กินน้ำทะเลไปเรื่อย ๆ “ ท่านทั้งหลายจงดื่มกิน
น้ำทะเลเพียงเล็กน้อยเถอะ ช่วยกันประหยัดน้ำทะเลด้วยนะท่าน ” “ ทำไมต้องประหยัดด้วยละท่านกา ทะเลก็ออกจะกว้างใหญ่ น้ำทะเลก็เยอะแยะ พวกเรากินกัน
แค่นี้มันคงไม่มีทางหมดไปได้หรอก ”

 
นกทั้งหลายต่างพากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยเพราะเกรงว่าน้ำทะเลจะหมดไป
 
นกทั้งหลายต่างพากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยเพราะเกรงว่าน้ำทะเลจะหมดไป 

       “ นั่นก็เป็นเพราะว่าท่านอยู่แต่ในใต้ท้องทะเล ไม่รู้อะไร นอกจากพวกท่านแล้วก็ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกเยอะแยะเลยนะที่อาศัยดื่มกินน้ำทะเลนี่อยู่ และหากสัตว์ทุกตัว
คิดเหมือนท่านสักวันหนึ่งน้ำทะเลก็คงจะหมดกันแน่ ๆ เลย ” “ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงต่อไปนี้พวกเราจะกินน้ำอย่างประหยัด ” เมื่อคุยกันสัตว์อื่น ๆ เรียบร้อยแล้วเจ้ากา
ก็บินสำรวจผลงานของมัน

พวกปลาทั้งหลายต่างก็พากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยนิดตามคำบอกของนกกาน้ำ
 
พวกปลาทั้งหลายต่างก็พากันดื่มน้ำทะเลแต่เพียงน้อยนิดตามคำบอกของนกกาน้ำ
 
        “ ดีมาก เมื่อทั้งนกทั้งกากินน้ำทะเลตัวละนิด เราก็จะมีน้ำทะเลไว้กินมากมายไม่มีวันหมด ฉลาดจริง ๆ เลยเรา ” “ จิบไปนิดเดียวพอแหละ เดี๋ยวน้ำทะเลหมด แต่ยัง
หิวน้ำอยู่เลย โห กินยังไม่จุใจเลย ” “ เฮ้ย กินน้ำที่ละนิด ๆ อย่างนี้ลำบากจังเลย กินนิดเดียวจะไปลดความกระหายได้ยังไง กินเยอะน้ำทะเลก็จะหมดอีก เฮ้ย ลำบาก
จริง ๆ เลย ”

<a href=http://www.dmc.tv/search/เทวดา title='เทวดา' target=_blank><font color=#333333>เทวดา</font></a>ผู้รักษาท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกสัตว์ทั้งหลาย
 
เทวดาผู้รักษาท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกสัตว์ทั้งหลาย
 
       เทวดาที่รักษาท้องทะเลอันกว้างใหญ่นั้นได้เห็นพฤติกรรมของเจ้ากาเห็นแก่ตัวทั้งหมด จึงสงสารสัตว์อื่น ๆ ที่ต้องกินน้ำทะเลอย่างประหยัด “ เอ้ เจ้ากาบอกให้สัตว์
ทั้งหลายกินน้ำอย่างประหยัด ทำไมตัวเองถึงกินได้สิ้นเปลืองกว่าใคร ” เมื่อเทวดาเห็นพฤติกรรมของเจ้านกกาน้ำที่ขัดกับคำพูดของของมัน จึงเกิดความสงสัย
“ เจ้ากาเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องไปเที่ยวร้องเตือนฝูงสัตว์ ฝูงปลาให้กินน้ำอย่างประหยัดล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรของเจ้ารึ ”
 
เทวดาได้สอบถามนกกาน้ำถึงเหตุที่มันออกอุบายสั่งสัตว์ทั้งหลายให้ดื่มน้ำทะเลน้อยลง
 
เทวดาได้สอบถามนกกาน้ำถึงเหตุที่มันออกอุบายสั่งสัตว์ทั้งหลายให้ดื่มน้ำทะเลน้อยลง
 
        “ ท่านเทวดา ข้าคือนกกาน้ำผู้กินจุ ข้าต้องการจะดื่มน้ำทะเลนี้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าสัตว์ตัวอื่น ๆ กินกันเยอะ ๆ อย่างนี้ ข้ากลัวว่าน้ำทะเลจะหมดเสียก่อน ข้าจึง
ร้องห้ามยังไงละท่าน ” เทวดาได้ฟังอย่างนั้นก็รู้ว่านกกาน้ำนี้เป็นนกที่เห็นแก่ตัวจึงเตือนสติไปว่า “ การคิดอย่างนี้เป็นการเห็นแก่ตัวนะ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้ำทะเล
มันจะหมด
 
เทวดาได้เตือนนกกาน้ำถึงการกระทำที่เห็นแก่ตัวของมัน
 
เทวดาได้เตือนนกกาน้ำถึงการกระทำที่เห็นแก่ตัวของมัน

        ลำพังตัวเจ้าเอง ตัวแค่นี้จะดื่มมันหมดเชียวรึ ไม่เผื่อแผ่คนอื่นด้วย ” “ ข้ามั่นใจนะท่านเทวดา ว่าสักวันน้ำทะเลจะต้องหมดแน่ ๆ ข้าจึงต้องให้ทุกตัวดื่มให้น้อย
น้ำทะเลจะได้อยู่นาน ๆ ข้าจะได้มีน้ำดื่มยังไงล่ะ ”

เทวดาแปลงเป็นยักษ์และได้ขับไล่นกกาน้ำให้ไปอยู่ที่อื่น
 
เทวดาแปลงเป็นยักษ์และได้ขับไล่นกกาน้ำให้ไปอยู่ที่อื่น

      “ ทะเลใหญ่จะลดลงหรือเต็มอยู่เสมอก็ตามไม่อาจมีใครหยั่งรู้ได้ อันว่าน้ำทะเลกว้างใหญ่ใครก็ไม่อาจดื่มให้หมดสิ้นไปได้ ” เทวดาเมื่อเห็นว่าเจ้ากาไม่ยอม
รับคำเตือนและเห็นแก่ตัวเช่นนี้ จึงแปลงร่างเป็นยักษ์ตัวใหญ่แล้วขับไล่นกกาน้ำตัวนั้นให้หนีไปจากท้องทะเลนั้น “ ไป เจ้าจงไปอยู่ที่อื่นซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคน
เห็นแก่ตัวอย่างเจ้า ไป ”

นกกาน้ำได้บินหนีไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้กลับมาที่เดิมอีกเลย
 
นกกาน้ำได้บินหนีไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้กลับมาที่เดิมอีกเลย

     “ ยักษ์ ยักษ์ ยักษ์ตัวโตน่ากลัว โอ้ย โอ้ย โอ้ยน่ากลัวจังเลย ” เจ้ากาโดนเทวดาแปลงเป็นยักษ์ขับไล่ มันบินหนีไปแล้วไม่กลับมาที่ท้องทะเลนั้นอีกเลย “ เย้ ๆ ในที่สุด
ก็ได้กินน้ำ ได้กลับมาเล่นน้ำ มีความสุขจังเลย ”

สัตว์น้ำและสัตว์บกต่างกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขอีกครั้ง
 
สัตว์น้ำและสัตว์บกต่างกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขอีกครั้ง

       “ น้ำทะเลตั้งเยอะแยะ เราเป็นปลาตัวนิดเดียว กินใช้แค่นี้จะหมดไปได้ยังไง กินน้ำเยอะ ๆ ไปเลยดีกว่าสบายใจ ” เมื่อเจ้ากาจากไปแล้วฝูงนกฝูงปลาที่อาศัย
อยู่ในทะเลนั้น ก็อยู่กันอย่างปกติเป็นสุข ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป


กาสมุทรในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระอุปนันทะ
เทวดาผู้รักษาท้องทะเล เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

 





พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ