บุคลิกภาพในรูปแบบต่างๆ ของคนเรามีส่วนเชื่อมโยงกับโครงสร้างที่แตกต่างของสมองของแต่ละคน
ซึ่งเป็นเหตุผลที่สามารถนำมาอธิบายได้ว่า ทำไมเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมากลายเป็นคนหุนหันและชอบเที่ยวเตร่
ในขณะที่เด็กอีกคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ฉลาดและสุขุมรอบคอบ
การตรวจความแตกต่างทางกายวิภาคของสมองของคนจำนวน
85 คนพบว่า มีความเชื่อมโยงกับบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย และสามารถแยกออกได้เป็น
4 กลุ่มด้วยกัน โดยผู้ชำนาญด้านโรคทางจิตได้ใช้วิธีการทางการแพทย์ในการประเมินบุคลิกลักษณะของคนเรา
นักวิจัยกล่าวว่า ความแตกต่างทางสมองเป็นความแตกต่างทางด้านโครงสร้างและยังสามารถวัดได้อีกว่า
ขนาดของสมองแต่ละส่วนที่แตกต่างกัน มีความเชื่อมโยงกับบุคลิกภาพที่จัดกลุ่มเอาไว้
4 กลุ่มดังกล่าวด้วย
วิธีการสแกนสมองเพื่อวัดความแตกต่างของสมองได้อย่างถูกต้องในระดับที่ละเอียดขนาดตารางมิลลิเมตรนั้นพบว่า
คนที่เป็นพวกที่มีบุคลิกภาพเพ้อฝันแนวนวนิยายจะมีโครงสร้างสมองส่วนที่ตั้งอยู่เหนือเบ้าตาทั้งสองข้างใหญ่กว่าคนทั่วไป
ซึ่งปกติสมองในส่วนนี้เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นส่วนที่มีขนาดเล็กของสมองส่วนหน้า
คนที่มีปริมาณเนื้อสมองในส่วนนี้เล็กกว่าคนทั่วไปจะเป็นคนประเภทที่มีระดับของความตื่นกลัวสูง
มีพฤติกรรมชอบแสวงหาการยอมรับ และมีแนวโน้มในการแสวงหาความพึงพอใจจากปัจจัยภายนอก
เช่น อาหาร และยาเสพติดชนิดต่างๆ ศาสตราจารย์ Venneri จากมหาวิทยาลัย The
University of Hull กล่าว
สำหรับคนที่มีบุคลิกแบบไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครจะมีขนาดของเนื้อสมองส่วนที่เรียกว่า
The orbito-frontal area และส่วนที่เรียกว่า The posterior occipital เล็ก
เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีบุคลิกภาพประเภทอื่นๆ ส่วนคนประเภทที่มีบุคลิกภาพชอบที่จะได้รับคำชม
จะเห็นได้ชัดว่า มีเนื้อสมองส่วนที่เรียกว่า The fronto-striatal and
limbic เล็ก
ถ้าการค้นพบดังกล่าวนี้ได้รับการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นๆ
ด้วย ก็แสดงว่า เด็กไม่ได้เกิดมาพร้อมกับบุคลิกภาพติดตัวมาด้วย
แต่เกิดจากพัฒนาการทางกายภาคของสมองที่มีผลทำให้คนเรามีบุคลิกภาพนั้นๆ การค้นพบนี้ได้สร้างความหวังว่า
เราจะสามารถตรวจสอบบุคลิกภาพในอนาคตของเด็กคนหนึ่งได้ จากการตรวจดูกายภาพของสมองโดยใช้เครื่องสแกนสมองที่ใช้กันอยู่ตามโรงพยาบาล
“จากการศึกษาในเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า
บุคลิกภาพเป็นอะไรบางอย่างที่มาพร้อมกับการเกิด
แต่การแสดงออกที่เต็มรูปแบบสามารถปรับจูนได้ในระหว่างที่มีพัฒนาการโดยผ่านการเรียนรู้อย่างถูกต้อง”
ศาสตราจารย์ Venneri ผู้ซึ่งทำการศึกษาเรื่องนี้กับผู้ร่วมงานจากมหาวิทยาลัย
The Univesity of Parma ในประเทศอิตาลี และจาก Washington
University ในรัฐ St. Louis กล่าว
บุคลิกภาพทั้ง 4 ประเภทที่ได้รับการจัดแบ่งเป็น
“พวกชอบฝันหวาน” จะมีบุคลิกที่ว่องไว “พวกไม่เป็นพิษเป็นภัย” จะมีบุคลิกที่มองโลกในแง่ร้ายและขี้อาย
“พวกที่ชอบได้รับการชม” จะมีบุคลิกที่ยึดมั่นถือมั่น ส่วน “พวกอดทน” จะเป็นพวกที่มีแนวโน้มว่า
ขยัน ชอบทำงานหนัก และชอบอะไรที่สมบูรณ์แบบและดีเลิศ
“ถ้าเรามุ่งไปที่ขนาดของสมอง ก็คือเรากำลังจัดลำดับคุณภาพของเนื้อสมองที่มีอยู่
แต่สิ่งที่ได้พบนั้นไม่ใช่เพียงแค่การคาดเดา มันมีความแตกต่างของสมองจริงในคนที่มีบุคลิกภาพแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน”
ศาสตราจารย์ Venneri กล่าว
“ข้อมูลที่ว่า นิสัยเป็นตัวสะท้อนความแตกต่างทางกายภาคของสมองนั้นเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่เราได้รู้
ยกตัวอย่างเช่น
เป็นการช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของเด็กและสามารถเลือกวิธีการสอนเขาได้อย่างเหมาะสม
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กเป็นคนที่ขี้อายอาจจะแก้ไขได้ด้วยการศึกษาและการพัฒนาการ
“ไม่มีเหตุผลอันใดที่เราจะไปตะคอกใส่เด็กที่ขี้อายและสั่งให้เขาออกไปยืนหน้าชั้นเรียน
เพราะธรรมชาติของเด็กดังกล่าวไม่ใช่ประเภทที่ชอบแสดงออกอยู่แล้ว
การได้รู้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานทางชีวภาพที่ช่วยให้นักการศึกษาและผู้ปกครองของเด็กเลือกใช้การวิธีการสอนเด็กอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยให้เด็กมีการพัฒนาการอย่างอื่นมาชดเชย”
คนประเภทที่ชอบการได้รางวัล
จะสามารถได้รับการช่วยได้ตั้งแต่ยังเด็ก
เพราะเด็กพวกนี้จะมีความเสี่ยงที่จะหันไปหาการดื่ม การเสพยา และการบริโภคอาหารมาก
ถ้าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมตามที่เขาต้องการ ศาสตราจารย์ Venneri กล่าว
“ถ้าเรารู้ว่า บุคลิกภาพคือบางสิ่งบางอย่างที่เราทำขึ้นเอง
ไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่เป็นมาโดยกำเนิด
เราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่ดีให้เหลือต่ำที่สุด
การที่เรารู้ก่อนว่า คนๆ นั้นมีภาวะอารมณ์เช่นชอบได้รับการชื่นชมอยู่แล้ว
เราจะสามารถช่วยเขาให้เลือกใช้ยุทธศาสตร์การป้องกันและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เขาจะแสวงหาการชื่นชมไปในทางที่เป็นอันตรายกับตัวเอง”
การศึกษาชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร
Brain Research Bulletin
ที่มา-http://www.nzherald.co.nz/health/news/article.cfm?c_id=204&objectid=10566320&pnum=0