บริจาคดวงตาเป็นทาน(อุปบารมี)

ผู้ให้ของชอบใจย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดีย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ https://dmc.tv/a6931

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 23 มิ.ย. 2553 ] - [ ผู้อ่าน : 18275 ]
บ ริ จ า ค ด ว ง ต า เ ป็ น ท า น
( อุ ป บ า ร มี )



 
     ผู้ให้ของชอบใจย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดีย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ

     ในการเดินทางไกล เราจำเป็นจะต้องมีเสบียงติดตัวไป เพื่อหล่อเลี้ยงสังขารให้ดำรงอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในโลกนี้ ในโลกหน้า หรือแม้กระทั่งไปสู่อายตนนิพพานย่อมต้องมีเสบียง คือ บุญ ไว้หล่อเลี้ยงกายและใจ บุญจะช่วยชำระใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ และเป็นเครื่องดึงดูดความสุขความสำเร็จในชีวิต บุญเกิดจากการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ แต่ทางมาแห่งบุญ โดยย่อ คือ การทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ว่า
 
" มนาปทายี  ลภเต  มนาปํ
อคฺคสฺส  ทาตา  ลภเต  ปุนคฺคํ
วรสฺส  ทาตา  วรลาภี  จ  โหติ
เสฏฺฐนฺทโท  เสฏฺฐมุเปติ  ฐานํ

    ผู้ให้ของชอบใจย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดีย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ "

    ปุญญาภิสันทา ท่อธารแห่งบุญ เมื่อบังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกาย จะกลั่นเป็นดวงบุญที่สุกใสสว่าง คอยหล่อเลี้ยงรักษา สนับสนุนส่งเสริมให้เราเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยสมบัติทุกอย่าง อานุภาพดวงบุญศักดิ์สิทธิ์จะดึงดูดสิ่งที่ดีงามเข้ามาสู่ตัวเรา ดึงดูดทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ สวรรค์สมบัติ กระทั่งนิพพานสมบัติ เมื่อมีบุญมากความสุขความสำเร็จย่อมมีมาก นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายเห็นคุณค่าของบุญ จึงสั่งสมบุญทุกรูปแบบ โดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้างและเงื่อนไข โดยเริ่มต้นสั่งสมบุญด้วยการให้

    โลกนี้ดำรงอยู่ได้ด้วยการให้ การให้เป็นวิสัยของบัณฑิต เป็นอริยประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมานาน จะเป็นผู้ถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิตได้ต้องเริ่มจากการเปิดใจให้กว้าง ฝึกการเป็นผู้เสียสละ พร้อมเสมอที่จะให้ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายมองเห็นสุขอันยิ่งใหญ่แล้ว ท่านจึงให้ทานโดยไม่มีความตระหนี่เข้ามาครอบงำจิตใจแม้เพียงน้อยนิด ท่านยอมสละสุขเล็กน้อย เพื่อเข้าถึงสุขที่พระอริยเจ้าสรรเสริญ สละได้แม้กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อมุ่งสู่พระสัมมาสัมโพธิญาณอันประเสริฐ

    * เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นพระเจ้าสีวิราช ครองแคว้นสีพี พระองค์เป็นผู้ยินดีในการบริจาคทาน ทรงบริจาคทานทุกวัน วันละ ๖๐๐,๐๐๐ กหาปณะ โดยสร้างศาลาโรงทานไว้ ๖ แห่ง คือ ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ แห่ง ใจกลางเมืองอีก ๑ แห่ง และที่ประตูพระราชนิเวศน์อีก ๑แห่ง พระองค์จะเสด็จไปโรงทาน ทรงตรวจตราการให้ทานด้วยพระองค์เองในทุกวันพระ

    ครั้งหนึ่ง ในวันดิถี ๑๕ ค่ำ พระเจ้าสีวิราชประทับเหนือราชบัลลังก์ ทรงนึกถึงมหาทานที่พระองค์ได้บริจาค พลางดำริว่า "ทรัพย์สมบัติภายนอกทุกอย่างเราก็ให้ครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เรายังไม่เคยบริจาค แต่ทานเหล่านี้มิได้ทำให้เรายินดีปรีดาเพิ่มขึ้นเลย ไฉนหนอจะมีคนที่มาขอวัตถุที่เป็นของภายในบ้าง"

    พระองค์ทรงดำริต่อไปว่า "ในวันนี้หากมีผู้มาขอเนื้อ เราก็จะให้เนื้อ ขอเลือดก็จะให้เลือด ขอหัวใจก็จะให้หัวใจ และถ้าใครขอดวงตาของเรา เราจะควักดวงตาทั้งคู่ให้ทันที" ท้าวสักกเทวราชประสงค์จะทดลองกำลังใจ จึงแปลงเป็นพราหมณ์ชรามีดวงตามืดบอด ไปเข้าเฝ้าพระราชาผู้กำลังตรวจตราโรงทาน เมื่อไปถึงได้ประคองอัญชลีเหนือเศียรเกล้า พระราชาตรัสถามว่า "ท่านพราหมณ์ ท่านมาวันนี้ มีความประสงค์สิ่งใด"

    ท้าวสักกเทวราชตรัสตอบว่า "ข้าแต่มหาราชเจ้าผู้ทรงธรรม การบริจาคทานของพระองค์ได้ฟุ้งขจรไปทั่วสารทิศ  ข้าพระองค์เป็นคนตาบอดมีนัยน์ตาข้างเดียว ขอพระองค์โปรดพระราชทานพระเนตรข้างหนึ่งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"  พระราชาสดับถ้อยคำเช่นนั้น เกิดความปีติปราโมทย์ยิ่งนัก ถึงกับเปล่งอุทานว่า "เป็นลาภใหญ่ของเราหนอ ความปรารถนาของเราจะสำเร็จบริบูรณ์ในวันนี้แหละ เราจะได้ให้ในสิ่งที่ให้ได้โดยยากแล้ว"

    พราหมณ์ได้กราบทูลอีกว่า "บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า ดวงตาเป็นสิ่งยากที่บุรุษจะสละได้ ขอพระองค์โปรดพระราชทานดวงเนตรนั้น ที่ไม่มีสิ่งอื่นจะยิ่งกว่า แก่ข้าพระองค์เถิด" พระราชาตรัสตอบว่า "ท่านพราหมณ์ ท่านปรารถนาสิ่งใดจากเรา ขอสิ่งนั้นจงเป็นผลสำเร็จแก่ท่านเถิด เมื่อท่านขอ ดวงตาข้างเดียว เราจะให้ดวงตาทั้ง ๒ ข้างแก่ท่านเลยทีเดียว" จากนั้นทรงนำพราหมณ์เข้าไปในพระราชฐาน รับสั่งให้เรียกหมอมาควักดวงตาของพระองค์

    เรื่องที่พระราชาจะบริจาคดวงตาแก่พราหมณ์ตาบอด ได้กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว เหล่าอำมาตย์ราชเสนาพสกนิกรต่างกราบทูลทัดทานพระราชาเอาไว้ แต่พระราชาทรงยืนยันว่า "แม้เราจะรักดวงตาทั้งสองปานใด แต่สัพพัญญุตญาณอันประเสริฐนั้น เป็นสิ่งที่เรารักและปรารถนามากยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงยินดีที่จะสละดวงตา ท่านทั้งหลายอย่าได้ห้ามการบริจาคของเรา และอย่าได้ถือโกรธในพราหมณ์นี้เลย"

    จากนั้น พระองค์ทรงรับสั่งให้แพทย์ควักดวงตาทั้งสองออก หมอได้บดโอสถหลายขนานทาพระเนตรเบื้องขวา พระองค์ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส หมอเกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ ไม่อาจทำต่อไปได้ จึงกราบทูลพระราชาว่า "ขอเดชะ ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงตัดสินพระทัยใหม่เถิด ข้าพระองค์สามารถทำพระเนตรให้กลับเป็นปกติได้" พระองค์ทรงปฏิเสธว่า "ท่านอย่ามัวชักช้าอยู่เลย จงรีบควักดวงตาของเราออกเถิด" หมอจึงปรุงโอสถน้อมเข้าไปให้ทรงทาพระเนตรซ้ำอีก

    เมื่อดวงตาถูกควักออก พระราชาทรงเกิดทุกขเวทนาแสนสาหัส แต่ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะสละดวงตาเป็นทานให้ได้ จึงข่มทุกขเวทนาไว้ หมอได้วางดวงตาไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา พระองค์ทรงรับดวงตาทั้งสองไว้ พลางตรัสว่า "สัพพัญญุตญาณเท่านั้นเป็นที่รักกว่านัยน์ตาทั้งสองของเราตั้งร้อยเท่า พันเท่า ขอผลที่เราบริจาคดวงตานี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้พระสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐนั้นเถิด" แล้วได้พระราชทานดวงพระเนตรทั้งสองแก่พราหมณ์

    พราหมณ์รับดวงตาทั้งสองมาแล้ว ได้ประดิษฐานไว้ในเบ้าตาด้วยฤทธานุภาพ ทำให้สามารถมองเห็นได้อีกเป็นอัศจรรย์ เมื่อพระราชารู้ว่า พราหมณ์มองเห็นได้เป็นปกติ ทรงโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง มีปีติแผ่ซาบซ่านไปทั่วพระวรกายข่มทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น ทำให้ความเจ็บปวดที่มีอยู่หายไปหมดสิ้น

    เมื่อพระราชาเห็นว่า พระองค์เป็นคนตาบอดไม่สะดวกที่จะปกครองบ้านเมืองอีกต่อไป จึงมอบราชสมบัติแก่อำมาตย์ทั้งหลาย เสด็จออกผนวชเป็นฤๅษีอยู่ในพระราชอุทยาน ทรงรำพึงถึงทานของพระองค์ว่า "ก่อนให้ก็มีจิตเลื่อมใส ขณะให้ก็มีใจศรัทธา หลังให้แล้วมีใจเอิบอิ่มเบิกบาน" ท้าวสักกะเห็นความเด็ดเดี่ยวในการบริจาคทานของพระโพธิสัตว์ จึงเสด็จมาแนะนำให้พระราชาขอพร เพื่อให้ได้ดวงตากลับคืนมาอีกครั้ง

    พระราชาทรงทำสัจจกิริยาว่า "ผู้ใดมาขอกับเรา ผู้นั้นเป็นที่รักของเรายิ่งนัก เมื่อพราหมณ์มาขอดวงตาข้างเดียว เราได้ให้ดวงตาทั้งสอง โดยไม่มีความรู้สึกเสียดายเลย ด้วยสัจจวาจานี้ ขอจักษุจงบังเกิดขึ้นแก่เราเถิด"  สิ้นคำอธิษฐาน ดวงตาทั้งสองเกิดขึ้นใหม่ทันที มีลักษณะที่สวยงามมาก พระองค์สามารถทอดพระเนตรได้ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์ มองทะลุฝาหรือกำแพงหรือภูเขาได้หมด ไม่มีสิ่งใดบดบังดวงตาของพระองค์ได้อีกต่อไป

    เราจะเห็นว่า พระโพธิสัตว์บำเพ็ญทานบารมีอย่างยิ่งยวด โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านเกิดกี่ภพกี่ชาติไม่เคยว่างเว้นจากการสั่งสมทานบารมี ไม่ว่าจะเป็นบารมีขั้นต้น อุปบารมี หรือปรมัตถบารมี พระองค์ประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีงาม ให้เป็นต้นแบบในการสร้างบารมีของเรา เพราะพวกเราทั้งหลายต่างกำลังสร้างบารมีเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งนิพพาน ท่านมีวัตรปฏิปทาอย่างไร เราก็ต้องดำเนินตามแบบอย่างของท่าน ชีวิตการสร้างบารมีของเราจะได้ไม่ผิดพลาด มีแต่ความปลอดภัย และประสบชัยชนะไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมกันทุกคน 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. สีวิราชชาดก เล่ม ๖๑ หน้า ๕๗

http://goo.gl/qZaZP


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related