CASE STUDYกอดเลย...ก่อนไม่มีแม่ให้กอด,กราบเลย...ก่อนไม่มีแม่ให้กราบเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
ลูกเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่รู้สึกสงสารคุณอาหญิงของลูกเป็นที่สุด และทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคุณอากล้ำกลืนอยู่ในความขมขื่นอย่างหาทางออกไม่ได้แบบนี้ ด้วยเหตุนี้ลูกจึงตัดสินใจส่งเรื่องราวนี้มาเป็น Case Study เพื่อหาคำตอบในเชิงกฎแห่งกรรม ซึ่งลูกเชื่อมั่นเหลือเกินค่ะว่า คำตอบนี้จะเป็นแสงสว่างที่จะช่วยให้ คุณอาพบทางออกที่ดีที่สุด…
อาคนที่ 2 ของลูก เกิดในครอบครัวที่ยากจน จึงทำให้มีโอกาสทางการศึกษาน้อย คือ เรียนจบเพียงแค่ชั้นป.4 คุณอาเป็นผู้หญิงซื่อๆ ที่ไม่มีลักษณะผู้นำใดๆเลย หลังจากคุณอาแต่งงานมีลูกแล้ว ไม่ว่าจะยากดีมีจนขนาดไหน คุณอาก็ทั้งรักและทะนุถนอมตั้งใจเลี้ยงลูกเป็นอย่างดีทุกอย่าง ส่งเสริมลูกๆ เรียนจบถึงขั้นปริญญาตรีกันทั้ง 3 คน คนโตเป็นชาย คนกลางเป็นชาย และคนเล็กเป็นหญิง แต่ไม่ทราบว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไรค่ะ ในช่วง 6 ปีให้หลังนี้ คุณอามีปากเสียงทะเลาะกับลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กของเธออย่างรุนแรงเกือบทุกวัน บางทีก็วันละหลายๆครั้ง จนลูกคนโตและคนเล็กพากันเกลียดคุณอาซึ่งเป็นแม่ผู้มีพระคุณที่สุดของตัวเอง หนำซ้ำยังต่อว่าพ่อของเขาว่า “ทำไมพ่อถึงไปเลือกเอาผู้หญิงพันธุ์นี้มาเป็นภรรยา และก็ไม่น่าเกิดมามีแม่แบบนี้เลย…” ลองคิดดูเถอะค่ะว่า คำพูดนี้จะสร้างความปวดร้าวให้กับผู้เป็นแม่ที่รักลูกที่สุดสักเพียงใด ซึ่งแทบทุกวัน ลูกๆของคุณอาจะพูดด่าว่าถากถางแม่ของตัวเองสารพัด ตะวาดและตะคอกแม่ต่อหน้าลูกจ้างในบ้าน ราวกับแม่เป็นเสมือนทาสคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกจ้างในบ้านที่มีอยู่ถึง 5 - 6 คนไม่เกรงใจแม่ไปด้วย คือหากแม่จะใช้ให้ลูกจ้างทำอะไรบ้าง ลูกจ้างก็จะไม่ยอมทำให้ และหากแม่จะแสดงความเห็นอะไรขึ้นมาบ้าง ลูกทั้งสองคือคนโตและคนเล็กก็จะแผดเสียง ตะวาดอย่างก้าวร้าวว่า “หุบปาก ใครใช้ให้ออกความเห็น ไม่รู้เรื่องแล้วอย่าพูด…” คือแม่จะพูดอะไรเป็นผิดหมด และจะถูกดูถูกหาว่าโง่ เรียนน้อย หรือบางทีในขณะที่กำลังมีปากเสียงกัน หากฝ่ายลูกกำลังถือหม้อน้ำแกงเดือดๆอยู่ในมือ ก็จะพูดว่า “เดี๋ยวกูจะเอาไอ้นี่ราดมึงเลย” บางทีก็ด่าแม่ ว่าด้วยคำหยาบจนแทบจะฟังไม่ได้ เช่นด่าแม่ว่า..ไอ้เหี้ย!! แต่ถึงแม้การทะเลาะกันจะรุนแรงสักปานใด สามีของคุณอาก็ไม่เคยห้ามปรามลูกๆที่ทำกับแม่อย่างนี้ หนำซ้ำให้ท้ายลูกเสียอีก บางครั้งคุณอาทนไม่ไหวก็จะพยายามพูดให้ลูกหยุดว่า “ทำกับแม่อย่างนี้…ระวังจะตกนรก..!!” ซึ่งลูกของคุณอาก็จะรีบสวนกลับทันควันเลยว่า “แล้วตัวเอง..จะได้ขึ้นสวรรค์รึงัย..!!”การเถียงกันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากลูกไม่พอใจจะอาละวาดเตะทำลายข้าวของที่เป็นของๆแม่ เช่นเตะพัดลมที่แม่ใช้เป็นประจำจนคอหักพัง แล้วก็ปล่อยให้แม่นั่งทำงานงกๆทนร้อนอยู่อย่างนั้นโดยไม่ใยดีอะไรทั้งสิ้น ซึ่งลูกก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่า ด้วยเหตุผลใด ทำไมสมาชิกในครอบครัวของคุณอาไม่มีใครห่วงใย คุณอาเลย แม้เวลาออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน คุณอาก็เป็นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ ถึงแม้พากันกลับมาจากทานข้าวแล้วก็ไม่ยอมซื้ออาหารอะไรมาให้คุณอากินด้วย แต่กลับซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาฝากลูกจ้างในบ้านแทน บ่อยครั้งที่คุณอาต้องร้องไห้ บางทีร้องจนไม่มีน้ำตา ซึ่งก็สมควรอยู่หรอกค่ะ เพราะคนที่ทำกับคุณอา คือลูกแท้ๆที่คุณอารักมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก คุณอาจึงได้แต่ตรอมตรมจมน้ำตาเรื่อยไปอยู่อย่างนี้...ใครที่เป็นลูกฟังไว้..อย่าทำให้คุณแม่เสียใจอย่างนี้นะจ๊ะ..ต้องรีบไปขอขมาท่าน..ไปกราบเท้าท่าน...และเข้าไปกอดท่านไม่ต้องอาย..ก่อนที่จะไม่มีท่านให้กอด...
เมื่อคุณอาคนที่สองทุกข์ตรมขนาดนี้จึงได้โทรมาระบายความทุกข์นี้ให้กับคุณอาคนที่ 3 ของลูกฟัง ท่านจึงได้แต่แนะนำให้เอาธรรมะเป็นที่พึ่ง และแอบติดจานดาวธรรมให้ แต่ภายหลังลูกๆและสามีของคุณอาเปิดไปเจอดาวธรรมโดยบังเอิญจึงอาละวาดด่าคุณอาเป็นการใหญ่และห้ามไม่ให้ดูรายการนี้อีก แต่เธอก็ได้พยายามแอบดูบ้างค่ะ แต่ก็หาโอกาสดูได้น้อยมาก
คุณอาคนที่ 3 ของลูก เป็นคนไม่ค่อยรวย และเป็นน้องสาวที่สนิทกับคุณอาคนที่ 2 มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นที่ระบายความทุกข์ที่ไว้ใจที่สุดของคุณอาคนที่ 2 อีกด้วย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณอาคนที่ 3 มักจะเครียดแทนพี่สาวของเธอไปด้วย แต่โชคดีค่ะ ที่คุณอาคนที่ 3 เป็นคนมีธรรมะ เข้าใจเรื่องบุญ เพราะมีโอกาสศึกษาธรรมะมากกว่าคนอื่น เพราะเธอยังไม่แต่งงานทำให้ไม่มีภาระและปัญหาครอบครัว ในช่วงแรกที่คุณอาคนที่ 3 มาวัดพระธรรมกายใหม่ๆ เธอจะป่วย และต้องอาเจียน เวียนหัว หรือไม่สบายทุกครั้งไป จนคนรอบข้างบอกว่าถ้ามาแล้วต้องป่วยอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมาดีกว่า คุณอาคนที่ 3 จึงได้อธิษฐานขอกับคุณยายอาจารย์ ให้เธอหาย ซึ่งก็อัศจรรย์มากๆ ที่หายจริงๆ และไม่เป็นอีกเลย ทำให้สามารถมาวัดได้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบันนี้ค่ะ
คุณปู่ของลูก เป็นคนใจบุญ เวลาลูกไปชวนท่านทำบุญอะไรท่านก็จะทำ ท่านเคยป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่หลังจากทำบายพาสแล้วท่านอยู่ต่อได้อีก 10 ปี แต่จากนั้นท่านก็หกล้ม ศีรษะกระแทก มีเลือดออกในสมอง อาการทรุดหนักลงอีก จนต้องเข้าห้อง ICU ซึ่งในช่วงนี้เองลูกได้ทำหน้าที่ชวนให้ท่านสร้างพระธรรมกายประจำตัว โดยนิมนต์พระอาจารย์ไปรับปัจจัยถึงโรงพยาบาล โดยให้คุณปู่ถวายเองกับมือ ซึ่งหลังจากถวายเสร็จเพียง 2 คืน คุณปู่ก็มีอาการเพ้อพูดขึ้นว่า..เห็นองค์พระ..เห็นองค์พระสีทองๆ และนับจากนั้นเอง คุณปู่ก็มีอาการดีขึ้นมากอย่างน่าประหลาด จะพูดว่าเหมือนเป็นวูบสุดท้ายของชีวิตก็ว่าได้ ซึ่งทำให้ท่านอยู่ต่อมาได้อีก 6 วัน แต่ก่อนที่คุณปู่จะเสียชีวิต คุณอาคนที่ 3 ของลูกก็ได้ขอขมาลาโทษคุณปู่ โดยกระซิบบอกท่านที่ข้างๆหู จากนั้นคุณปู่ก็น้ำตาไหล และไม่นานนักคุณปู่ก็ได้จากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 82 ปี
คุณย่าของลูก เป็นคนขยัน ทำบุญตามประเพณี ชอบไหว้เจ้ามาก ช่วงสุดท้ายของชีวิต คุณย่าป่วยเป็นอัมพฤตอยู่ 6 ปี โดยมี คุณอาคนที่ 3 เป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิด วาระสุดท้ายคุณย่าจากไปด้วยวัย 60 ปี
ส่วนตัวลูกเอง เป็นพี่สาวคนโต และมีน้องชายที่รักมากอีก 1 คน เราทั้งสองเกิดมามีชีวิตที่เพียบพร้อมและสุขสบายทุกอย่าง เพราะคุณพ่อคุณแม่สร้างทุกอย่างไว้ให้แล้ว ลูกจึงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเรียนหนังสือ เรียนจนกระทั่งถึงชั้นม.3 อยู่ๆลูกก็มีอาการเบื่ออาหาร ทานข้าวไม่ได้ และอาเจียนอย่างทรมานจนหมดเรี่ยวหมดแรง ต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งหมอเองก็หาสาเหตุไม่พบจึงได้แต่สรุปว่าลูกเป็นโรคเครียดค่ะ ซึ่งลูกต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการดังกล่าวเช่นนี้อีกหลายครั้ง เข้าจนกระทั่งถึงช่วงที่เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา แล้วได้มาทำกิจกรรมชมรมพุทธตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 4 ซึ่งก็แปลกมากๆค่ะ ตอนช่วงที่ทำกิจกรรมชมรมพุทธนี่เอง อาการป่วยอย่างนี้ของลูกได้หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ทั้งๆที่การเรียนในมหาวิทยาลัยก็หนักและเครียดกว่าเมื่อก่อนเยอะ อีกทั้งในปี 4 ต้องรับผิดชอบชมรมในฐานะประธานชมรมพุทธอีกด้วย แต่ลูกก็ไม่มีการป่วยเลย หลังจากลูกเรียนจบแล้วก็ตัดสินใจเข้ามาเป็นอุบาสิกาที่วัด ซึ่งก็ได้รับบุญดูแลเรื่องคนเหมือนตอนที่ทำงานชมรมพุทธ เช่นดูแลน้องชมรมพุทธกว่า 50 สถาบัน เป็นพี่เลี้ยงบัณฑิตแก้ว มีน้องในความดูแลหลักร้อยตลอด คือพูดง่ายๆก็คือตั้งแต่รับบุญมา ลูกมักจะต้องมาดูแลเกี่ยวกับเรื่องคน
หลังจากลูกเข้าวัดแล้ว ลูกก็ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับครอบครัวและที่บ้านจนทุกคนเข้าใจวัด ทำบุญทุกบุญที่ลูกชวน และดู DMC แต่ในช่วงระยะหลังนี้คุณแม่ไม่ค่อยจะยอมนั่งสมาธิ(Meditation)เลยค่ะเพราะท่านมักจะบ่นว่าปวดเอวปวดขาและเป็นโรคนอนไม่หลับ แต่เมื่อลูกชวนท่านทำบุญอะไรท่านก็ทำบุญทุกบุญที่ลูกชวนค่ะ...ลูกรู้ค่ะว่าท่านรักลูกมากและลูกก็รักท่านมากเช่นกัน..เพราะเราทั้งสองยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ประทับใจเลย...นั่นคือช่วงเวลาที่อากาศไม่อาจผ่านค่ะ...ลูกขอเรียนถามคำถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ค่ะ
1. บุพกรรมใดทำให้อาคนที่2 ต้องมีปากเสียงกับลูกคนโตและคนเล็ก , คุณอาและลูกสองคนนี้ผูกเวรกันมาหรือไม่อย่างไร , คุณอาต้องแก้ไขบุพกรรมนี้อย่างไร และควรจะแก้ไขเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้อย่างไรคะ
2. บุพกรรมใดทำให้คุณอาคนที่ 2 ถึงถูกกีดกันไม่ให้ดูดาวธรรม , ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อให้คุณอาคนนี้สามารถมาวัดและมีธรรมะเป็นที่พึ่งได้มากกว่านี้คะ
3. เหตุใดสามีของคุณอาจึงให้ท้ายลูกทั้ง 2 และลูกของคุณอาทั้ง 2 จะต้องไปรับใช้วิบากกรรมนี้อย่างไร และการทำกรรมกับแม่แบบนี้บาปหนักเท่ากับ หรือ ต่างจากทำกับพระอรหันต์หรือไม่ อย่างไรคะ
4. บุพกรรมใดทำให้คุณอาคนที่ 3 เป็นโสดและไม่รวย และบุพกรรมใดทำให้ในช่วงแรกที่มาวัดพระธรรมกายคุณอาคนที่ 3 ต้องป่วยทุกครั้ง และทำไมจึงหายได้หลังจากอธิษฐานขอกับคุณยายอาจารย์คะ
5. บุพกรรมใดทำให้คุณปู่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และสามารถอยู่ต่อได้หลังจากทำบายพาสถึง 10 ปี , ทำไมคุณปู่ถึงเพ้อเห็นองค์พระสีทองค่ะ , และทำไมคุณปู่ถึงมีอาการดีขึ้นทันทีหลังจากที่ได้สร้างพระ และอยู่ต่อมาได้อีก 6 วัน
6. ตอนคุณปู่ใกล้เสียชีวิต คุณอาคนที่ 3 ได้ขอขมา คุณปู่รับรู้ไหมคะ ถ้ารับรู้คุณปู่คิดอย่างไร , ในกรณีของคนใกล้ตาย ควรจะขอขมาดี หรือพูดให้ท่านนึกถึงบุญดีคะ และตามหลักวิชชาแล้วควรขอขมาตอนไหนถึงเหมาะสมคะ
7. ก่อนตายคุณปู่มีคตินิมิตอย่างไร ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศหรือมีอะไรอยากฝากบอกไหมคะ
8. บุพกรรมใดทำให้คุณย่าเป็นอัมพฤต , ทำไมคุณอาคนที่ 3 ต้องมามีหน้าที่ในการดูแลคุณย่าด้วยคะ , คุณย่าตายแล้วไปไหน ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไร ได้รับบุญที่อุทิศไหม , คุณย่าชอบไหว้เจ้ามาก ตอนนี้ตายแล้วท่านคิดอย่างไรกับบุญสร้างองค์พระคะ และคุณย่าอยากให้ทำบุญสร้างองค์พระไปให้อีกไหมคะ
9. บุญใดทำให้ลูกและน้องชาย เกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมทุกอย่างคะ และบุพกรรมใดทำให้ลูกทานข้าวไม่ได้และอาเจียนอย่างหนัก ลูกเป็นโรคเครียดจริงหรือไม่คะ ลูกต้องกลับมาเป็นอีกหรือไม่คะ และต้องทำบุญประเภทไหนถึงจะแก้วิบากกรรมนี้คะ
10. เหตุใดลูกมักจะต้องมารับบุญเกี่ยวกับการดูแลคนมาโดยตลอด ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาในรูปแบบใด มีหน้าที่อะไรในกองทัพธรรม เคยเข้าถึงพระธรรมกายไหมคะ และได้ลงมาสร้างบารมีกับหมู่คณะกี่รอบคะ
11. บุพกรรมใดคุณแม่จึงเป็นโรคปวดขา และนอนไม่หลับ ต้องแก้ไขอย่างไร และลูกต้องทำอย่างไรเพื่อให้ทั้งคุณแม่และคุณพ่อมาวัดทุกอาทิตย์คะ และคุณแม่ยอมนั่งสมาธิคะ
12. คุณแม่ คุณพ่อ น้องชาย และคุณอาคนที่ 2 และ 3 เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมามากน้อยต่างกันแค่ไหน น้องชายมีบุญบวชตลอดชีวิตไหมคะกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
1. “คุณอาคนที่ 2” มีปากเสียงกับลูกคนโตและคนเล็กเพราะ.....กรรมในอดีตของคุณอาคนที่ 2 ที่ชาติหนึ่งเกิดเป็นผู้ชาย มีนิสัยเกเร ชอบด่าว่าพ่อแม่ด้วยคำหยาบคาย , ทั้งมีนิสัยเจ้าชู้ เมื่อมีภรรยาก็เหยียบย่ำดูถูก , ด่าว่า , กดขี่ภรรยาเสมอ อีกทั้งมีทาสรับใช้อยู่ในบ้านซึ่งเป็นพี่น้องกัน , ท่านได้กดขี่ข่มเหงทาสทั้งสองอยู่เสมอ จนทั้งคู่คิดแค้นผูกเวรว่า สักวันหนึ่งจะต้องทำตอบแทนแค้นนี้ให้ได้
- ดังนั้นเมื่อมาเจอกันชาตินี้ ทาสทั้ง 2 ก็มาเกิดเป็นลูกคนโตและคนเล็ก , ส่วนท่านมาเกิดเป็นแม่ และกรรมก็บันดาลให้มาโดนบ้างจ่ะ !
- ก็ให้อดทนและให้อภัย เวรจะได้ระงับ แล้วก็สั่งสมบุญทุกบุญ อธิษฐานจิตให้พ้นจากวิบากกรรมนี้ไปจ่ะ !
2. “คุณอาคนที่ 2” ถูกกีดกันไม่ให้ดูดาวธรรม เพราะ.....ในอดีตก็ไม่เคยทำหน้าที่กัลยาณมิตรชวนคนทำความดี แถมกีดกันคนไม่ให้มาทำความดีอีกด้วย มาส่งผลจ่ะ !
- จะให้มาวัดศึกษาธรรมะ ก็ต้องมีใครไปชักชวนให้ท่านมาวัด โดยที่ยังไม่ให้ทางบ้านรู้จะได้ไม่มีใครขัดขวาง เมื่อท่านได้มาวัดมาศึกษาธรรมะได้ปฏิบัติธรรมะจนเข้าถึงที่พึ่งภายในแล้ว ท่านจะอยู่ตรงไหนก็ไม่มีความทุกข์ใจจ่ะ !
3. “สามีคุณอาคนที่ 2” ให้ท้ายลูก 2 คน เพราะ.....กรรมเก่าของคุณอาคนที่ 2 ดังกล่าว แล้วได้บันดาลให้มาเจอสามีและลูกแบบนี้จ่ะ !
- ลูกคุณอาคนที่ 2 ทั้ง 2 คน จะมีวิบาก คือ เมื่อใกล้ตายก็จะเห็นกรรมนิมิตที่ทำกับมารดาอย่างนี้ ก็จะทำให้คตินิมิตดำมืด แล้วก็ดำดิ่งไป “มหานรกขุม 4”
- จะถูกนายนิรยบาลเอาคีมเหล็กร้อนมาดึงลิ้นออกแล้วตัดด้วยมีด , แล้วถอนฟันออกทีละซี่และเอาแปรงลวดเหล็กร้อนทะลวง เป็นต้น ตายเกิดนับครั้งไม่ถ้วนอยู่ยาวนานหลายพันล้าน ๆ ปี , แล้วก็ไปตามขั้นตอนของการลงทัณฑ์เมื่อกรรมเบาบางลง คือ มาจากอุสสทนรก , ยมโลก แล้วก็มาเป็นอสุรกายที่พิกลพิการครึ่งสัตว์ครึ่งคนตามที่ตัวด่าคุณแม่ของตัว , ปากก็จะมีหนอนชอนไชทุกข์ทรมานมาก เป็นต้น
- เป็นกรรมหนักมากเหมือนทำกับพระอรหันต์จ่ะ !
4. “คุณอาคนที่ 3” เป็นโสดและไม่รวย เพราะ.....ในอดีตเคยมีครอบครัวและมีความทุกข์จากการมีครอบครัว ดังนั้นจึงอธิษฐานว่า ภพชาติต่อไปขออย่าได้มีครอบครัว และให้ได้อยู่เป็นโสดจ่ะ !
- ส่วนที่ไม่รวย เพราะทำทานมาน้อยจ่ะ !
- ช่วงแรกมาวัดพระธรรมกายท่านป่วย แต่มาหายในภายหลังจากที่ขอบารมีธรรมของคุณยายอาจารย์ เพราะ.....กรรมในอดีตที่เคยฆ่าสัตว์ทำอาหารมาส่งผลขวางกันการทำความดี ต่อมาเมื่อบุญที่เคยทำความดีในอดีตอยู่บ้างมาส่งผล รวมกับบารมีธรรมของคุณยายอาจารย์ช่วย จึงหายได้จ่ะ !
5. “คุณปู่” เป็น “เส้นเลือดหัวใจตีบ” แต่เมื่อทำบายพาส อยู่ต่อมาได้อีก 10 ปี เพราะ.....กรรมในอดีต ได้ฆ่าสัตว์ทำอาหาร, ฆ่าสัตว์ไหว้เจ้า และใช้แรงงานสัตว์หนักเกินไปมาส่งผล แต่บุญที่ทำในปัจจุบันที่ตัวลูกชวนทำอย่างสม่ำเสมอมาส่งผล ให้ท่านมีชีวิตรอดต่อมาอีก 10 ปีจ่ะ !
- ท่านเพ้อเห็นพระสีทอง และมีอาการดีขึ้นทันทีที่สร้างพระและอยู่ต่อมาได้อีก 6 วัน เพราะ.....ใจท่านผูกพันกับบุญที่สร้างพระ จึงทำให้ท่านเห็นกรรมนิมิตเป็นพระสีทอง และอาการดีขึ้น เพราะบุญสร้างพระมาหล่อเลี้ยงเอาไว้ แต่อายุสังขารของท่านอยู่ได้แค่นั้น แล้วก็หมดอายุขัยจ่ะ !
6. ตอนคุณปู่ใกล้เสียชีวิต คุณอาคนที่ 3 ได้ขอขมา , ท่านก็ไม่ค่อยได้รับรู้แล้วจ่ะ !
- การจะขอขมาควรทำตอนผู้มีพระคุณยังแข็งแรงและรู้ตัวดีจ่ะ !
- แต่เมื่อท่านใกล้จะละโลกแล้ว ควรแนะนำเรื่องบุญกุศลและธรรมะ จึงจะถูกหลักวิชชาจ่ะ !
7. ก่อนตายคุณปู่มี “คตินิมิต” สว่าง เพราะใจท่านนึกถึงบุญออก ทำให้บุญส่งผล
- ตายแล้วด้วยการหลับแล้วตื่นขึ้นกลางวิมานทองของชั้น “ดาวดึงส์ เฟส 3” เป็นเทพบุตรสุดหล่อ ด้วยบุญที่ทำในพระพุทธศาสนาและหมู่คณะจ่ะ !
- ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว
- ท่านมีความปลื้มปีติยิ้มแย้มแจ่มใสชมทิพยสมบัติและท่านฝากมาบอกว่า เพราะลูกและหลานคนนี้ จึงทำให้ท่านได้มาอยู่ตรงนี้จ่ะ !
8. “คุณย่า” เป็นอัมพฤกษ์ เพราะ.....กรรมที่ฆ่าสัตว์ทำอาหารและไหว้เจ้าทั้งอดีตและปัจจุบันมาส่งผลจ่ะ !
- คุณอาคนที่ 3 มาดูแลท่าน เพราะ.....ท่านไม่มีครอบครัวอีกทั้งเป็นคนมีความกตัญญูกตเวทีจ่ะ !
- คุณย่าตายแล้ว ก็ไปเกิดใหม่เป็น “มนุษย์” แล้ว ไม่อาจรับบุญได้จ่ะ !
9. ลูกและน้องชาย เกิดมาในครอบครัวที่มีความเพียบพร้อมทุกอย่าง เพราะ.....ในอดีตทั้ง 2 คน ได้ทำทานเอาไว้ดี และได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนคนทำความดี เมื่อทำบุญแล้วก็อธิษฐานจิตล้อมกรอบเอาไว้ดี , บุญนี้จึงนำมาเกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมทุกอย่างจ่ะ !
- ตอนเด็กลูกทานข้าวไม่ได้และอาเจียนอย่างหนัก เพราะ.....มีนิสัยข้ามชาติมา ที่เมื่อทำอะไรแล้วมักจะจริงจัง ตั้งใจมากเกินไป จึงทำให้ “เครียด” โดยไม่รู้ตัว
- ลูกก็ต้องนั่งธรรมะแผ่เมตตาให้มาก ๆ , ใจก็จะได้ใส ๆ ไม่เป็นโรคเครียดอีกจ่ะ ! อีกทั้งให้สั่งสมบุญทุกบุญ แล้วนึกถึงแต่เรื่องบุญและธรรมะจ่ะ !
10. ลูกต้องมารับหน้าที่ดูแลคนมาตลอด เพราะ.....ในอดีตชอบทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนคนทำความดีและดูแลคนมาคล้ายชาตินี้ , โดยเฉพาะพุทธันดรที่ผ่านมา ได้เป็น “กุลบุตร” ในตระกูลเศรษฐี ได้ออกบวชตามพระราชาองค์ที่ออกบวชจนตลอดชีวิต , ได้มีหน้าที่ “เผยแผ่” มีผลการปฏิบัติธรรมเข้าถึงองค์พระ ใส ๆ กลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ ได้ลงมาสร้างบารมี 2 รอบและได้บวชเป็นพระทั้ง 2 รอบ
- แต่เจอวิบากมาร ที่มารเอากรรม กาเมเจ้าชู้ที่ใกล้จะหมดกำลังจะส่งผลแล้ว เอามาเสริมเติมต่อวิบากกรรมกาเมเข้าไปอีก จึงทำให้ชาตินี้มาเป็น “ผู้หญิง” แต่ก็ยังมีนิสัยในการประพฤติพรหมจรรย์ จึงได้มาสร้างบารมีตั้งแต่ยังเยาว์วัยและได้ประพฤติพรหมจรรย์จ่ะ !
11. คุณแม่เป็นโรค “ปวดขา” , “นอนไม่หลับ” เพราะ.....กรรมในอดีตได้เกิดในสังคมเกษตรกรรม ได้ผูกมัดขาสัตว์เพื่อฆ่าขายและส่งสัตว์ขายให้เขาเอาไปฆ่า จึงทำให้ปวดขา แล้วท่านเกิดความเครียดเกี่ยวกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ จึงทำให้ท่านนอนไม่หลับจ่ะ !
- ลูกก็ต้องเป็นกัลยาณมิตรให้ท่านทั้งสอง ด้วยใจที่ใส , เยือกเย็น อีกทั้งทำบุญทุกครั้งก็อธิษฐานจิต ให้ท่านได้มีส่วนแห่งบุญนี้ และให้บุญนี้ไปดลบันดาลให้ท่านเกิดกุศลศรัทธามาเข้าวัดสร้างบารมีจ่ะ !
- ให้แนะนำคุณแม่นั่งห้อยขาบนเก้าอี้ทำสมาธิ ค่อย ๆ แนะนำให้กำลังใจท่านไปเรื่อย ๆ จ่ะ !
12. คุณพ่อ , คุณแม่ , น้องชาย และคุณอาคนที่ 2 , 3 เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง” จ่ะ !
- น้องชายมีบุญบวช “ช่วงสั้น” , แต่ก็มีบุญ “บวชช่วงยาว” บ้าง แต่ผังยังไม่หนาแน่น , ชาตินี้ถ้าจะบวชตลอดชีวิตก็ต้องใช้กำลังใจสูง , ตั้งใจมั่นให้แน่วแน่ ให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี , มีกัลยาณมิตรดี ๆ นั่นแหละจ่ะ !
- ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !
http://goo.gl/Fky7q