ทศชาติชาดกเรื่อง มหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 13
จากตอนที่แล้ว พระโพธิสัตว์ได้ทรงแสดงพระอัจฉริยภาพ ทั้งกำลังกาย และกำลังสติปัญญาให้เป็นที่ปรากฏ ด้วยการทรงยกสหัสสถามธนูนั้นขึ้นอย่างง่ายดายเป็นอัศจรรย์
ต่อมาก็ทรงสามารถไขปริศนาแห่งขุมทรัพย์ และนำขุมทรัพย์ทั้ง ๑๖ แห่ง คือขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ตก ดวงอาทิตย์นั้นทรงหมายเอาพระปัจเจกพุทธเจ้า โดยทรงให้ขุดตรงที่พระราชาประทับยืนต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้า และสถานที่ประทับยืนส่ง ก็ได้นำขุมทรัพย์นั้นออกมาได้
จนมาถึงปริศนาข้อสุดท้าย คือขุมทรัพย์ที่ยอดไม้ หมายถึง ขุมทรัพย์ภายในเงาไม้รังต้นใหญ่ มีปริมณฑลเท่ากับเงาตะวันในเวลาเที่ยงวัน ภายในพระราชอุทยาน เหล่าราชบุรุษได้ไปขุดขุมทรัพย์ตามคำเฉลยของพระราชา ก็พบขุมทรัพย์ตามที่ตรัสบอกทุกประการ
เมื่อพระมหาชนกสามารถเปิดเผยปริศนาขุมทรัพย์ทั้ง ๑๖ แห่งได้แล้ว ได้ตรัสถามว่า “ยังมีปัญหาอื่นอีกไหม” เหล่าอำมาตย์ก็กราบทูลว่า “ไม่มีแล้ว พระเจ้าข้า”
มหาชนเมื่อเห็นอานุภาพของพระราชาองค์ใหม่ ที่สามารถทำให้พระราชธิดาสีวลีทรงพอพระทัย สามารถยกสหัสสถามธนูได้อย่างง่ายดาย และเปิดเผยขุมทรัพย์ทั้ง ๑๖ ได้หมด ต่างก็ร่าเริงยินดี แซ่ซ้องสาธุการว่า “น่าอัศจรรย์จริงหนอ พระราชาองค์นี้เป็นบัณฑิตผู้ประเสริฐโดยแท้”หลังจากนั้นพระมหาชนกก็ได้ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ และก็ได้ทรงแต่งตั้งเจ้าหญิงสีวลีเป็นพระมเหสีปกครองแผ่นดินโดยธรรมสืบมาพระมหาชนกเมื่อได้ครองราชย์แล้ว ก็มิได้ทรงประมาทในชีวิต ทรงคำนึงว่า “สมบัติที่เราได้มานี้ เพราะอานุภาพแห่งบุญที่เราได้เคยทำเอาไว้ในปางก่อน เราไม่ควรประมาทในสมบัติเหล่านี้ เพราะสมบัติเป็นของกลางของโลก ใครมีบุญก็ได้ครอบครอง ถ้าหมดบุญก็ต้องกลายเป็นของคนอื่นไป”
ก็ทรงมีดำริที่จะเริ่มบริจาคทาน เป็นการเพิ่มเติมมหาทานบารมี โดยทรงโปรดให้สร้างศาลาโรงทาน ๖ แห่ง คือ ท่ามกลางพระนครหนึ่งแห่ง ที่ประตูพระนครทั้ง ๔ ทิศ ทิศละแห่ง และที่ประตูพระราชนิเวศน์อีก ๑ แห่ง โปรดให้เริ่มตั้งทานวัตรเป็นประจำ ไม่ให้ขาดแม้แต่เพียงวันเดียว
จากนั้นด้วยความที่ พระองค์ทรงเป็นลูกยอดกตัญญู ทรงโปรดให้อัญเชิญพระมารดาและพราหมณ์มาจากกาลจัมปากนคร ทรงทำพิธีต้อนรับด้วยสักการะอย่างสมพระเกียรติ
ทรงบำเพ็ญพระจริยาวัตรด้วยพระเมตตาต่อไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ของพระองค์เป็นปกติ ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม ทำให้พระเกียรติคุณของพระองค์ทรงขจรขจายไปทั่วแว่นแคว้นวิเทหรัฐ
การเป็นพระราชาผู้ทรงทศพิธราชธรรม มีอานุภาพแผ่ไปทั่วชมพูทวีป และเป็นที่รักของเหล่าพสกนิกรทั่วหล้า มิใช่ว่าจะได้มาโดยบังเอิญ แต่ได้มาเพราะบุญเก่าในอดีต และการทำความดีในปัจจุบัน
ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลผู้ประกอบด้วยศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล เพียบพร้อมด้วยยศและโภคะ เมื่อไปสู่สถานที่ใดๆ ย่อมได้รับการบูชาในสถานที่นั้นๆ”
ด้วยความที่พระองค์ทรงเป็น ธัมมิกมหาราช ทรงเป็นบัณฑิตผู้เฉลียวฉลาด ทำให้ชาวเมืองทั้งใกล้และไกล ประสงค์อยากจะเข้าเฝ้าและได้เห็นบุญลักษณะของพระองค์อย่างใกล้ชิด จึงพร้อมใจกันนำเครื่องราชบรรณาการมาถวายเป็นประจำมิได้ขาด
ผู้ปกครองหัวเมืองต่างๆ ได้นำมหรสพขนาดใหญ่มาแสดงในพระนคร นำเครื่องลาดที่วิจิตรงดงาม และมีราคาแพงมาปูลาดในพระราชนิเวศน์ ช่วยกันห้อยพวงของหอม พวงดอกไม้เป็นต้น ทำเครื่องอุปกรณ์ดอกไม้ เครื่องอบธูปและเครื่องหอมมาถวาย เพื่อเป็นเครื่องราชบรรณาการเป็นประจำ
พระมหาชนกโพธิสัตว์ได้ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรมเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง พระองค์ได้เสด็จประทับบนพระราชอาสน์ ภายใต้มหาเศวตฉัตรทอดพระเนตรพระราชสมบัติอันสิริวิลาสยิ่งใหญ่ เพียงดังสิริสมบัติของท้าวสักกเทวราช ก็ทรงคำนึงถึงความพยายาม ที่พระองค์ได้ทรงทำในมหาสมุทร
เมื่อทรงระลึกนึกถึงความพยายามเช่นนั้นแล้ว จึงดำริอย่างแยบคายว่า “ขึ้นชื่อว่าความเพียร ควรทำโดยแท้ ถ้าเราไม่ได้ทำความเพียรในมหาสมุทร เราก็จะไม่ได้สมบัติใหญ่ถึงเพียงนี้”เมื่อทรงคำนึงถึงความเพียรนั้น ก็เกิดพระปีติโสมนัส ทรงเปล่งอุทานว่า “บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงหวังเข้าไว้ ไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นว่าการที่เราได้เป็นพระราชาสมปรารถนานั้น ก็เพราะความเพียรพยายามอย่างเดียวเท่านั้น...บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงหวังเข้าไว้ ไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตัวเราขึ้นจากน้ำเข้าถึงฝั่งได้ เพราะความเพียรพยายามโดยแท้...นรชนผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์แล้ว ก็ไม่พึงตัดความหวังที่จะเข้าถึงความสุข จริงอยู่ คนเป็นอันมาก เมื่อประสบทุกข์ ก็ทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เมื่อได้รับความสุข จึงค่อยทำสิ่งที่มีประโยชน์ คนเหล่านั้นไม่ตระหนักถึงประโยชน์ จึงเข้าถึงความตาย...สิ่งที่มิได้คิดไว้ อาจเกิดขึ้นก็ได้ ส่วนสิ่งที่ได้คิดไว้ อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ โภคทรัพย์ทั้งหลายของหญิงและชาย มิได้สำเร็จด้วยเหตุเพียงความคิดเท่านั้น แต่สำเร็จได้ด้วยความเพียรพยายาม”ตั้งแต่นั้นมา พระโพธิสัตว์ก็ทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรมได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ทรงถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และทำการสงเคราะห์พสกนิกรที่ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้กรุงมิถิลานครเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งและมั่นคง เรื่องของพระมหาชนกยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่อีก แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
http://goo.gl/UfwAO