ข้อความต้นฉบับในหน้า
กล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น วางอารมณ์สบาย
สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจว่ากำลังจะเข้าไปสู่
ภาวะแห่งความสงบสบายอย่างยิ่ง
๔. นึกกำหนดนิมิต เป็น “ดวงแก้วกลมใส” ขนาด
เท่าแก้วตาดำใสบริสุทธิ์ ปราศจากราศี หรือรอยตำหนิใดๆ
ขาวใส เย็นตาเย็นใจดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลม
ใสนี้เรียกว่า บริกรรมนิมิต นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้ว
นั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนา
ไปอย่างนุ่มนวลเป็นพุทธานุสติว่า “สัมมา อะระหัง” หรือ
ค่อยๆ น้อมนึกดวงแก้วกลมใสให้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์
กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่หนึ่งเป็นต้น
ไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆ กับคำภาวนา
อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงแก้วกลมใสปรากฏแล้ว ณ กลาง
กาย ให้วางอารมณ์สบายๆ กับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่า
ดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้น
อันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียดาย ให้วางอารมณ์สบาย
แล้วนึกนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้น
ไปปรากฏที่อื่น ที่มิใช่ศูนย์กลางกาย ให้ค่อยๆ น้อมนิมิต
เข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิต
มาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางสติลงไปยังจุด
ศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้ายมีดวงดาว
ดวงเล็กๆ อีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม
๔๑
แล้วสนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆ ตรงกลางนั้นไปเรื่อยๆ
ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วน เกิดการตกศูนย์และเกิด
ดวงสว่างขึ้นมาแทนที่ ดวงนี้เรียกว่า “ดวงธรรม” หรือ
“ดวงปฐมมรรค” อันเป็นประตูเบื้องต้นที่จะเปิดไปสู่หนทาง
แห่งมรรคผลนิพพาน
การระลึกนึกถึงนิมิตสามารถทำได้ในทุกแห่ง ทุกที่
ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือขณะทำ
ภารกิจใดๆ
ภาพแสดงที่ตั้งจิตทั้ง ๗ ฐาน
ฐานที่ 3 ปากช่องจมูก หญิงข้างซ้าย
ชายช้างขวา
ฐานที่ 3 เพลาตา หญิงข้างซ้าย
ชายข้างขวา
ฐานที่ @) จอมประสาท
ฐานที่ @ ช่องเพดาน
ฐานที
ปากช่อง าคอ
ฐานที่ ๗) ศูนย์กลางกายที่ตั้งจิตถาวร
ฐานที 3 ศูนย์กลางกายระดับสะดือ
0
๒ นิ้วมีอ