ข้อความต้นฉบับในหน้า
กฎแห่งกรรม ๔๖
กฎแห่งกรรม ๔๗
คุณแม่ของดิฉัน มีอาชีพค้าขาย เป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญมาก
โดยปกติแม่จะไปช่วยงานที่วัดทุกวัน ในปีพ.ศ. ๒๕๐๕ แม่อายุ ๔๐ ปีกว่า
ได้ป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูก มีเลือดไหลออกมาเป็นถังๆ พี่ชายได้พาแม่ไป
รักษาโดยการฝังแร่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ฝังอยู่ถึง ๓ ครั้ง รวมทั้งฉายแสง
ด้วย แม่นอนอยู่โรงพยาบาล ๒ เดือน หมอจึงให้กลับบ้านได้ แต่ก่อนกลับ
หมอได้บอกไว้ว่า แม่เป็นมะเร็งขั้นที่ ๓ แล้ว จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ ๕ ปี
แต่แม่กลับอยู่ต่อมาได้อีกถึง ๔๒ ปี ดิฉันก็งงมาก
เมื่อแม่แข็งแรงดีขึ้นแล้ว ท่านยังไปเป็นแม่ครัว ทําอาหารเลี้ยง
พระภิกษุ สามเณรที่วัดใกล้บ้านทุกวัน แม่ทำอย่างนี้อยู่เป็นเวลา ๓๐ กว่า
ปี จนกระทั่งแม่อายุได้ ๘๐ ปีกว่า โรคมะเร็งที่แม่เป็นอยู่ได้กำเริบขึ้น
ท่านไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอาหารเลี้ยงพระได้อีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่รักษา
ศีลที่วัดเพียงอย่างเดียว เป็นเวลา ๒ ปี จนกระทั่งวันสุดท้ายคือ วันที่
๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ วันนั้นแม่ไปรักษาศีลที่วัดได้เพียงครึ่งวัน ก็ต้อง
ไปโรงพยาบาล เพราะแม่มีอาการท้องผูก ท้องอืด อึดอัดมาก กินอะไร
ไม่ได้
ช่วงนั้นงานกฐินกำลังจะมาถึง ดิฉันเห็นแม่ป่วยหนัก อาการไม่ดีขึ้น
จึงชวนให้ท่านตัดใจทำบุญกฐิน ดิฉันพูดกับแม่ว่า “อยากให้แม่ทำบุญ
เป็นประธานกฐินในปีนี้เงินที่มีอยู่ ถ้าตายแล้ว ก็เอาไปไม่ได้ คนอื่นทำบุญให้
ก็ได้บุญไม่เท่ากับเราทําเอง” แม่ก็ตกลง พระอาจารย์ที่วัดจึงนำผ้าไตร
มาให้แม่อธิษฐานถึงที่บ้าน หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รวบรวมเงินของแม่ที่มีอยู่
จึงให้แม่จบอธิษฐาน ดิฉันตั้งใจว่า จะนำเงินไปถวายหลวงพ่อที่วัด แต่ยัง
เป็นห่วงอาการของคุณแม่อยู่จึงรอไว้ก่อน
การตัดสินใจทำบุญขนาดนั้นดิฉันคิดว่าคุณแม่ท่านรู้ตัวดีว่า ถ้า
เราไม่ฉวยโอกาสรีบทำบุญในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่... ในขณะที่ยังสามารถ
ทำได้.... ในโอกาสที่ยังมีอยู่.. ถ้าเราตายไปเสียตอนนี้ เราจะหมดโอกาส
ได้ทำบุญทันที ถึงแม้อยากจะทำสักปานใดก็ตาม..... เพราะทรัพย์สินที่มีอยู่
ถึงจะมากมายขนาดไหน ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้แม้แต่สลึงเดียว
จนกระทั่งวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เวลา ๒ ทุ่มกว่า แม่มี
อาการเหมือนใจจะขาด ดิฉันจึงไปเอาผ้าไตรกฐิน มาให้แม่อนุโมทนา
แม่รับรู้โดยยกมือขึ้นสาธุ ๑ ข้าง น้าให้ดิฉันเอาผ้าชุดขาวมาวางหน้าอก
และน้าได้บอกให้แม่ภาวนาพุทโธ ดิฉันนั่งข้างๆ แม่ และคอยพูดพุทโธช้าๆ
ข้างหูแม่ตลอดเวลา จนแม่หมดลมหายใจด้วยอาการอันสงบในเวลา ๒๑.๓๐
นาฬิกา สิริอายุได้ ๘๘ ปี
หลังจากจัดงานฌาปนกิจแม่เสร็จแล้วดิฉันได้นำเงินที่แม่จบอธิษฐาน
ไว้ นำไปถวายหลวงพ่อในวันครูธรรมกายและร่วมในพิธีอัญเชิญองค์พระ
ธรรมกายประดิษฐานบนยอดโดม อาคาร 50 ปี พอถึงวันทอดกฐินที่ ๗
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ดิฉันได้ไปร่วมงาน และในใจก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน
บอกให้แม่ไปร่วมงาน ที่วัดด้วย เพราะอยากให้ท่านได้บุญด้วยจริงๆ
การตั้งจิตอธิษฐานแบบนั้น ดิฉันก็ไม่รู้ว่าท่านไปร่วมงานด้วยหรือเปล่า?
นี่เป็นเรื่องที่ดิฉันสงสัยอยากรู้ และอยากถามท่านใดก็ได้ที่ตอบได้
สำหรับเรื่องที่ดิฉันรู้จักวัด ขอเล่าย้อนว่าตอนแรกเริ่มที่รู้ว่า แม่เป็น
มะเร็งที่มดลูก ดิฉันก็เกิดความกลัว ไปตรวจสุขภาพทุกปี พอถึงปี พ.ศ.
๒๕๓๗ หมอบอกว่า มีก้อนเลือดย้อยลงมาจากมดลูก ตอนแรกหมอ
ไม่ได้ให้ผ่า บอกว่าเดี๋ยวมันจะฝ่อไปเอง แต่พอ ๒ ปีต่อมา ปรากฏว่า
ก้อนเลือดนั้นโตขึ้น หมอเลยสั่งผ่าตัด หลังผ่าตัดดิฉันได้ไปพักอยู่กับ
พี่ชายที่กรุงเทพฯ พี่ชายถามว่า อยากไปทำบุญวัดไหน จะพาไป ดิฉันบอกว่า