ข้อความต้นฉบับในหน้า
กฎแห่งกรรม ๖๐
กฎแห่งกรรม ๖๑
ชิงไหวชิงพริบ
ตัวอย่างการสร้างบุญในวาระสุดท้ายให้แก่บุพการีผู้เป็นที่รัก
โดยให้อนุโมทนาบุญกฐินก่อนจะละโลกบ้าง หลังจากละโลกนี้ไปแล้วใหม่ๆ
สร้างบุญกฐินให้บ้าง ถวายภัตตาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคและแสง
สว่างบ้าง เป็นเหตุให้ผู้ที่ละโลกไปแล้วนั้นไม่ต้องพลัดไปเกิดในอบาย ได้
ไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์บ้าง ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์บ้าง ชั้นดุสิตบ้าง
ตามกำลังบุญเดิมของตน ประกอบกับบุญใหม่ที่ลูกหลานเร่งสร้างอุทิศให้
อย่างทุ่มเทในวาระสุดท้าย อย่างชาญฉลาดถูกหลักทางพระพุทธศาสนา
ทำให้สามารถเปลี่ยนภพภูมิที่ดี ประณีตยิ่งๆ และช่วงชิงส่งผลก่อนด้วย
กำลังวิบากแห่งบุญที่มากกว่า ตัดกำลังวิบากแห่งกรรม ซึ่งคนเหล่านั้นได้
ผิดพลาดทํามาในอดีตยังมีให้ส่งผล
เทคนิคอันชาญฉลาดของบรรพบุรุษพุทธศาสนิกชน
หากเราเคยได้ยินว่ามีประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ละจาก
โลกนี้ไปแล้วซึ่งพุทธศาสนิกชนนิยมทำสืบทอดกันมา เช่น ทำบุญ ๓ วัน
๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ก็คงจะสงสัยกันว่า ทำไมต้องทำในวันที่ผู้ตาย
ละโลกไปแล้วเท่านั้นๆ วันด้วย เรื่องนี้ผู้เขียนขอเฉลยว่า
ทำบุญ ๓ วัน เพราะผู้ตายที่ละโลกด้วยใจที่ไม่ผ่องใส ไม่เศร้าหมอง
จะรู้ตัวว่าตนเองตายในวันที่ ๓ และเมื่อตายในสภาพนั้นยังคงวนเวียน
อยู่กับความคุ้นเคยในโลกมนุษย์นี้เอง ดังนั้นหากทำบุญอุทิศให้ผู้ตายได้
อนุโมทนา ก็เป็นโอกาสทำให้ใจของผู้ตายนั้นผ่องใสขึ้นๆ เป็นเหตุให้บุญ
ในวาระสุดท้ายนี้ส่งผลให้ไปเกิดในสุคติภูมิได้
ทำบุญ ๗ วัน เพราะผู้ตายในลักษณะดังกล่าวจะวนเวียนอยู่ ๗ วัน
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จากยมโลกจะมานำตัวไป ถ้าทำบุญให้ผู้ตายได้อนุโมทนา
ก่อน เมื่อใจผ่องใสขึ้นๆ ก็มีโอกาสไปเกิดในสุคติภูมิได้
ทำบุญ ๕๐ วัน เพราะผู้ตายในลักษณะนั้น หากหลัง ๗ วัน มี
เจ้าหน้าที่มานำตัวไปก็จะไปเข้าแถวรอการพิจารณาบุญและบาปที่ยมโลก
อยู่ ๕๐ วัน ถ้าทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายได้อนุโมทนา ในขณะที่รอการ
พิจารณาเมื่อใจผ่องใสขึ้นก็มีสิทธิ์ที่จะถูกตัดสินให้ไปเกิดยังสุคติภูมิได้ดัง
พ่อของเจ้าของกรณีตัวอย่างที่ ๑
ทำบุญ ๑๐๐ วัน เพราะผู้ตายในลักษณะนั้น หากต้องไปนั่งตอบ
คำถามหน้าบัลลังก์ของพญายมราชในวันที่ ๕๐ ก็จะถูกตัดสิน และเมื่อ
ผ่านไป ๑๐๐ วันนับจากวันตาย ถ้าทำบุญอุทิศไปให้อนุโมทนาในขณะ
รอตัดสินหากใจผ่องใสขึ้นๆ ในขณะนั้นก็มีโอกาสรอดพ้นจากการตัดสิน
ให้ไปสู่อบายได้ก็จะเป็นระยะเวลาสุดท้ายที่จะช่วยช่วงชิงไปเกิดในสุคติภูมิ
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าทําเอง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านอาจจะคิดว่าองค์ความรู้ของเรื่อง
ลี้ลับดังกล่าวถูกไขออกมาให้กระจ่างแจ้งได้อย่างไร ส่วนที่มีกล่าวไว้ใน
พระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
ทว่าบางส่วนก็ยังน่าที่จะต้องศึกษา ติดตาม พิสูจน์อยู่นั่นเองว่าองค์
ความรู้เหล่านั้นสรุปขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างนี้ได้อย่างไร เชิญ
ทุกท่านพิสูจน์ด้วยตนเองที่ DMC ช่องนี้ช่องเดียว ท่านพร้อมหรือยังที่
จะแสวงหาความเป็นจริงของชีวิตด้วยตัวท่าน
ลูกตะวัน