ข้อความต้นฉบับในหน้า
กำลังเดินบนถนนทะยอย่อยู่อยู่นั้นก็เห็นเท่านั้นก็เกิดความ เรียมใสในใจของท่าน จึงได้ถามว่า
“ท่านผู้จิญ อินทรีย์ของท่านเองส่องสึงนัก อริยาบทของท่านก็ดงดงาม ท่านบวชเพราะใคร ใคร เป็นศาสดาของท่าน ท่านชอบใครจรรยาของใคร” พระเณรตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น ศาสดาของเรา เราชอบจรรยาของพระพุทธเจ้า พระองค์นี้แหละนะคะถามต่อมาว่า “ก็ ศาสดาของท่านมีมติสนองอะไร”
พระเณรคิดว่า “ธรรมดาปริพาชกทั้งหลาย เป็นปฏิปักต่อลพระพุทธศาสนา เราจำแสดงความ ลึกซึ้งในพระศาสนาให้ปริพาชกนี้ได้ทราบ” เหตุจากท่านเป็นผู้ถอดตนจึงกล่าวว่า “เราเป็นผู้ บาบใกล้ยังนามงามพุทธธรรมนี้ เราไม่อาจจะเป็นธรรมโดยพิสดารได้” อุปลีสะจึง คะยั้นคะยอว่า “ขอท่านจงกล่าวธรรมตามความ พอใจโฉด จะน้อยหรือมากก็ตาม การแพงตลอดธรรมชั้นเป็นภาระของข้าพเจ้าเอง” พระเณรจึงได้กล่าวสนวนว่า
และได้กล่าวคาถาด้านนี้ผนึงหมดให้โกลกผู้ เป็นสุขฟัง พอจบถาคา โกลจะมองตาเห็นธรรมตั้งอยู่ในใจบัดนี้ ทั้งสองท่านเป็นผู้มีความกตัญญูเวทิตา อยู่ในใจ จึงคิดว่า เราจะบอกอมตธรรมที่ได้บรรลุในพระศาสนาด้วยกัน แล้วจะตามไปฝ่าพระบรมศาสดาพร้อมๆกัน
เมื่อทั้งสองมาถึงสำนักงานอัญชู ก็กล่าวเชิญชวนว่า “ท่านอาจารย์ พระรัตนตรัยได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลก เชิญท่านอาจารย์ไปฝ่าพระศาสดากันเถิด” สงฆ์ประชุมกันและรู้ว่าตนเองไม่มีคุณวิเศษอะไร แต่เป็นเพราะบุญมหาที่เป็นอาจารย์ใหญ่ มีวิราวมาก จึงไม่ยอมไปเป็นลูกศิษย์ใครอีกได้กล่าวว่า “เธอทั้งสองไปกันเถิด เราไม่อาจจะเป็นศิษย์ของใครได้ การอยู่เป็นศิษย์ของบุคคลอื่น เป็นเช่นกับจะเขียนเขียนไว้ในผู้นั้น”