ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อสัญชัยถูกลูกศิษย์เอกทั้งสองคะนั้นจะจดจะให้ไปได้ ดังกล่าวสงสัยว่าว่า "ในโลกนี้คนโง่กับคนฉลาดอย่างไหนมีมากกว่ากัน" ท่านทั้งสองจึงตอบว่า “คนมีจำนวนนมากกว่า ส่วนคนฉลาดมีน้อย" สัจชัยจึงกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น พวกคนโง่งามาลำสำนักของเรา ส่วนคนฉลาดจงไปสำนักของพระสมณโคดม พวกเธอจงไปกันเถิด" เมื่อนั้นชวนอาจารย์ไม่สำเร็จ จึงพากันออกเดินทางจากมาและยังมีวิริยากอีก 500 คนตามมาด้วย
ทั้งสองส่ายเมื่อมาถึงวัดพระเชตวันแล้ว ได้กราบบูชารือราวทั้งหมดให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า “สัจชัยถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นสารว่าเป็นสาร ถือเอาสิ่งที่เป็นสารว่าไม่เป็นสาร เพราะเป็นมิจฉาทิฐิ ส่วนพวกเธอจงสิ่งที่เป็นสารว่าเป็นสาร: รู้สิ่งที่ไม่เป็นสารว่าไม่เป็นสาร จึงว่ามีเป็นเบียดที่แท้จริง” ต่อมาทั้งสองทั้งสองสาธุได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ผู้ถือคณะด้านมีปัญญา ส่วนพวกเธอรับคำด้านซ้าย ผู้ถือทางด้านมรรคิ ตตั้งแต่นั้นมาได้ทำหน้าที่เผยแผ่คำสอนของพระบรมศาสดาให้กว้างไกลออกไป ทำให้พุทธศาสนาจรุ่งเรื่องมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ผู้มีปัญญาต้องพิจารณาให้ว่า สิ่งใดเป็นสารหรือไม่เป็นสาร เพื่อจะได้เลือกปฏิบัติให้ถูกต้อง ชีวิตจะได้ปลอดภัย เพราะถ้าปฏิบัติผิดเนื่องจากมีความเห็นผิด จะเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างยิ่ง ความเห็นผิดนำไปสู่ความทุกข์ วิบาก นรก แต่ถ้าธุ์ว่าตนเองเห็นถูกไปแล้ว และรีบกลับตัวกลับใจ ลงมือปรับปรุงตนเองเสียใหม่ อย่างนี้ก็จะสามารถกลับมาเป็นบัณฑิตได้
ปัจจุบันนี้ มันมีทิฏฐิทางโลกที่อธิษฐานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่คนที่จะแสวงหาเก็บความรู้และคุณธรรม จะได้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อโลก ชาวโลกจะได้มาทำแต่งสิ่งที่เป็นสะระ เป็นเป้าหมายที่ตั้งรองของชีวิต มารสร้างบุญสร้างบารมี มุ่งปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตน เพื่อเข้าสู่ความเต็มเปี่ยมของชีวิต เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง จะต้องดำเนินตามรอยบาทพระบรมศาสดา
ปัจจุบันนี้มีมิตรทางโลกที่อธิษฐานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่คนที่เป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ทางโลกและทางธรรม
_________________________________________________
พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี นามเดิม พระราชภาวภูวศิริ (ไชยบูลย์ ธมฺมปาโล)
*มก. เล่ม 12 หน้า 28