ข้อความต้นฉบับในหน้า
"กำหนดนิมิตพุทธลักษณะ{ะ}ทุกส่วนให้แจ่มชัด แล้วจึงหลับตา นึกให้เห็นภาพนี้ในใจ แล้วลืมตาขึ้น เมื่อภาพนี้ชัดเจนแล้วให้กลืนไปยังที่อาสนะ ให้ลงภายในตรงและดั่งจิตให้มีสติ ประดุจดวงเงื่นอยู่บนพระพักตร์พระพุทธเจ้าองค์จริง ให้ภาพนิมิตปรากฏเด่น ปราศจากข้อสงสัย แล้วจึงมารายงานต่ อครูถอิ ะองของเธอว่า จิตของกระผมตั้งมั่นและเห็นพระพุทธเจ้าชัดเจนจุดจองจริง" (S. 2585, columns 16-17)
ในขณะที่เรื่องของการทำสมาธิแบบ "รวมจิตให้มันเป็นหนึ่งไว้ที่กลางนาคร" นั้น ก็มีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับคำสอนของมานุษยาจารย์เช่นเดียวกัน โดยในขั้นแรกให้ผู้ปฏิบัติสมาธิจิตของตนไว้ที่สื่อ เมื่อผู้ปฏิบัติทำตามอยู่สักครู่หนึ่ง จึงรู้สว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่อยายใน เมื่อมองต่อไปในร่างก็เห็นบางอย่างคล้ายไขของนกกระสามีสีขาว หลังจากผู้ปฏิบัติกลับไปหาคุณและได้รับคำแนะนำให้รวมจิตให้เป็นหนึ่งในสันนี้ ต่อไป จึงทำให้เห็นแสงสว่าง และมององค์พระหลายองค์ผุดขึ้นมาจากภายในในกาย เมื่อทำต่อไปนิมิตนันค่อยๆขยายวงไปออกไปทั้งโลก แล้วนิมิตนันก็กลับมาที่สี่อีกครั้ง จากงานวิจัยดังกล่าว ขณะจารย์ผู้ตรวจวิทยานิพนธ์ชื่นชมในผลงานวิจัยดังกล่าว โดยลงมตให้คะแนนยอดเยี่ยม(เกียรตินิยม) แก่งานวิจัยของท่านด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผลงานวิจัยที่ยอดเยี่ยมในสาขาภาษาจีนโบราณในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และท่านก็ได้รับอนุมัติให้ศึกษาวิจัยต่อในระดับปริญญาเอก จึงเท่ากับเป็นหมุดหมายใหม่ของการเผยแพร่ธรรมมาภายในต่อไปได้เลยทีเดียว องค์ ในวันที่ 13-14 มกราคมที่ผ่านมา ท่านได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมและนำเสนอผลงานวิจัยที่กรุงเทพฯ ณ สำนักฝั่งเสนแห่งปลายรพีพติก (Ecole Française d’Extreme-Orient หรือ EFEO) ซึ่งมีองค์กรภาคีร่วมกันสนับสนุนการจัดงานดังนี้คือ ภาควิชาเอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ศูนย์ศึกษาคัมภีร์แห่งมหาวิทยาลัยชมบรอก สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) และมูลนิธิ 60 ปีธรรมนิยมเพื่อการศึกษา