ข้อความต้นฉบับในหน้า
"ผู้ที่จาริกพระไตรปิฎกสัปดนให้เราศึกษานเป็นพระอรหันต์กันทั้งนั้น หิมามดูที่ตัวเอง อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านตำรับตำราในโลก แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะ ทั้ง ๆ ที่คนเขียนรักษาศิล ๔ ได้ข้ามมันหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถึงเขาไปแล้ว
ในที่สุดวันนี้ก็ทานีลูกนายแกแท้ต่อออกไปกินแล้วไม่ได้กล่มอีกเลย พูดนกก็รู้ว่า ลูกไม่เชื่อป่านนี้คงตกทะเลตายไปแล้ว ต่อมาไม่นานพูดนานต่อเบียดตายตามลูกไป เพราะไม่มีใครนำอาหารมาเลี้ยงดู
พระสมัยสมุทเจ้ารักสังขาจบแล้วสรุปให้ฟังว่า ลูกนายแกเต้าตัวนั้นได้บิดเป็นพระภิกษุที่บริโภคแล้วท้องแตกตาย ส่วนพูดนกแกเต้าตาบอดนั้นเป็นพระองค์เอง
เราจะเห็นได้ว่า แม้ฟายในดีดทั้ง ๆ ที่ความดี บางครั้งบางชาติก็พลาดไป ความโลกยังไม่หมด ความโกรธยังไม่ขาด ความหลงยังไม่ลาย ความครั้งความโลก ความโกรธ ความหลงดูมันมา ก็เลยอากรม่อก่อวร จับพลับจับปลูเกิดเป็นนานา ขนาดพระองค์ยังมีโอกาสพลาดอยู่บ้าง นับประสอะไรกับคนธรรมดาอย่างเรา ซึ่งนี่จะมะระวังกันได้ดีนะ ชาดกเรื่องนี้ลองพระองค์จะฝากข้อคิดไว้กับพวกเราว่า
ข้อดี ๑ เกมาเป็นคนแล้ว มีโอกาสเจอพระพุทธศาสนาแล้ว มีโอกาสเจอครูอาจารย์ที่เป็นบัณฑิตทางธรรมอย่างแท้จริงแล้วด้วย อย่าเป็นคนเขย่า อย่าเป็นคนสอนอย่า ขินอ่านธรรมะอ่านพระไตรปิฎกแล้วปฏิสวาสธรเป็นเรื่องเหลวไหล ต้องคิดนะว่า ผู้ที่จาริกพระไตรปิฎกสืบทอดมาให้เราศึกษานั้นเป็นพระอรหันต์กันทั้งนั้น หิมามดูที่ตัวเอง อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านตำรับตำราในโลก แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะ ทั้ง ๆ ที่คนเขียนรักษาศิล ๔ ได้ข้ามมันหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เชื่อเขาไปแล้ว
ข้อดีที่ ๒ เรื่องการรู้จักประมาณในการกิน พระองค์ให้คำอธิบายสั้น ๆ ไว้ในพระไตรปิฎกว่า หากใครไม่รู้จักประมาณในการกิน โทษเต็มที่คือตายอย่างภาคภูมิที่วามนี้ หย่อนลงมาคืออ่อนเพลีย ประกอบต่อมาคือเกิดคันการงาน และประกอบสุดท้ายคืออ้วนหวาน"