ข้อความต้นฉบับในหน้า
ขณะเดียวกัน "คาถาธรรมกาย" ก็ยังปรากฏในคัมภีร์อุปทัศน์ที่แต่งเป็นคาถาบาลี มากถึง ๒๗๒ บท3 เป็นคาถาที่ยึดสติเสมอเป็นพระโอวาทในดินแดนล้านนา ล้านช้าง และพม่ายึดถือในความคดีสิทธิ์ดีกาลทองกันมา แตโดยพระมหามงคลสิงห์สังเคราะ; สมัยสงครามล้านนากับจีนซึ่งเจรจาเชียนแสน พ.ศ. ๑๓๕๕ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงรัชกาลที่สาม พ.ศ. ๑๒๓๙ กล่าวว่าคำสอนภาฏิยงของพระพุทธองค์ ส่วนบทที่ ๒๖๙ กล่าวว่าธรรมภายในเจาะจงของจิต แต่เป็นอารมณ์ของปัญญาเท่านั้น หรือพระธรรมภายไม่อาจเห็นได้ด้วยตาแต่เห็นได้ด้วยปัญญา พร้อมกับเขียนว่าธรรมายประกอบด้วยญาณ เป็นนั้นว่าพระสัปพุทธคุณ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาระหลักที่สำคัญที่สุด หรืออาเรียกวา "คุณค่า" ของคาถาธรรมภายในนั้น หากจะกล่าวไปแล้วน่าจะอยู่ที่การมะลิเนินถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสำคัญนั้นเอง
เมื่ออุบามาพิจารณาในยุคสมัยของเรา บุคคลผู้ที่ควรกล่าวว่าเป็นผู้อรรถาธิบายขยายความเรื่องราวของคาถาธรรมภายให้ชัดเจนขึ้นมากที่สุด (ตรงกับสาระหลักของคาถาธรรมภายมีมาแต่ครั้งโบราณไว้ว่าหนักที่สุด) คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) ครูผู้คุ้มครองธรรมภายกันเอง ดังนั้นเมื่อเราค่อย ๆ นำบทพระธรรมเทนา ของท่านมาศึกษาและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะพบว่า บทพระธรรมเทนาของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) นี้เอง ที่เท่ากับเป็นบทขยายความละเอียดของคาถาธรรมภายโดยตรง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นบทขยายความธรรมดา หากแต่เป็นการขยายความโดยพิสดารทีเดียว ด้งข้ความในหลาย ๆ ตอนว่า "... ธรรมภายในเองเป็นพุทธธนะ ซึ่งแปลว่า แก้ว คือ พุทธะ เมื่อรู้ว่าพุทธธนะแล้ว ก็จะรู้ว่าธรรมธนะเสียทีเดียว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม อุปพรหม เป็นธรรมธนะ แต่เป็นส่วนโลภียส่วนธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในเป็นโคตร ๆ ต่อเมื่อใดธรรมภายในเลื่อนขึ้นไปเป็นพระโลตะแล้ว ธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในพระโลตะนั้นเอง เป็นโลกุตตระ ส่วนดี สมาธิ ปัญญา วิภูติ วิภูตญาณ วิภูติญาณ-ทัสนะ ที่อยู่ในศูนย์กลางของดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในนี้ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม และายอุปพรหมเป็นโล่มวรรด เพราะกายทั้ง ๔ นี้เป็นโลภีย ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกาย ส่วนดี สมาธิ ปัญญา วิภูติ วิภูตญาณ-ทัสนะ ที่อยู่ในศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในนี้ทำให้เป็นโลภุตตระ เพราะธรรมภายในของพระโลตะเป็นโลภุตตระ ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกาย ธรรมที่ทำให้เป็นนายต่าง ๆ นี้เอง เป็นธรรมตนะ ซึ่งเปล่าว่า แก้วคือธรรม เมื่อจิตธรรมตนะแล้ว ก็จะรู้ว่าจิตธรรมตนะเสียดทีเดียว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม อุปพรหม เป็นธรรมตนะ แต่เป็นส่วนโลภียส่วนธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในเป็นโคตร ๆ
ส่วนดี สมัติ ปัญญา วิภูติ วิภูตญาณ วิภูติญาณ-ทัสนะ ที่อยู่ในศูนย์กลางของดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม และายอุปพรหมเป็นโล่มวรรด เพราะกายทั้ง ๔ นี้เป็นโลภีย ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกายทั้ง ๔ นี้เป็นโลภุตตระ ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกายาธรรมที่ทำให้เป็นนายต่าง ๆ นี้เอง เป็นธรรมตนะ ซึ่งเปล่าว่า แก้วคือธรรม เมื่อจิตธรรมตนะแล้ว ก็จะรู้ว่าจิตธรรมตนะเสียดทีเดียว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม อุปพรหม เป็นธรรมตนะ แต่เป็นส่วนโลภียส่วนธรรมที่ทำให้เป็นธรรมภายในเป็นโคตร ๆ
ส่วนดี สมัติ ปัญญา วิภูติ วิภูตญาณ วิภูติญาณ-ทัสนะ ที่อยู่ในศูนย์กลางของดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม และายอุปพรหมเป็นโล่มวรรด เพราะกายทั้ง ๔ นี้เป็นโลภีย ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกายทั้ง ๔ นี้เป็นโลภุตตระ ธรรมจึงเป็นโลภุตตระไปตามกายาธรรมที่ทำให้เป็นนายต่าง ๆ นี้เอง เป็นธรรมตนะ ซึ่งเปล่าว่า แก้วคือธรรม เมื่อจิตธรรมตนะแล้ว ก็จะรู้ว่าจิตธรรมตนะเสียดทีเดียว
ส่วนดี สมาธิ ปัญญา วิภูติ วิภูตญาณ วิภูติญาณ-ทัสนะ ที่อยู่ในศูนย์กลางของดวงธรรมที่ทำให้เป็นนายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม อุปพรหม เป็นธรรมตนะ ซึ่งเป็นธรรมตนะ ซึ่งเปล่าว่า แก้วคือธรรม เมื่อจิตธรรมตนะแล้ว ก็จะรู้ว่าจิตธรรมตนะเสียดทีเดียว