ลักษณะของใจตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2564 หน้า 18
หน้าที่ 18 / 62

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจลักษณะของใจตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยชี้ให้เห็นว่าใจมีลักษณะเป็นดวงที่เกิดขึ้นและดับไป เราไม่สามารถแยกความคิดมาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ แต่ใจสามารถคิดได้ทีละเรื่อง ซึ่งอยู่ที่การฝึกหัดของเรา ใจมีความสามารถในการคิดในหลากหลายเรื่อง แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ธรรมชาติของใจคือการเกิดดับเร็วจนเราไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ในทางจิตวิทยา การควบคุมใจเป็นสิ่งท้าทาย แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้เพื่อไม่ให้ใจหลุดไปคิดในเรื่องที่ไม่ควรคิดเมื่อเราต้องเผชิญกับอารมณ์และสิ่งเร้าภายนอก

หัวข้อประเด็น

-ลักษณะของใจ
-การคิดและการเลือก
-ธรรมชาติของใจ
-การควบคุมอารมณ์
-การฝึกสติและสมาธิ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วิญญาณฤษฎุหรือใจค่ายอยู่ในกายเนื่องในภายภาค ถ้ามีแต่วาญาณฤทธิ์ไม่มีกายวิญญาณฤทธิ์เรียกว่า ศพ ถ้ามีแต่วิญญาณฤทธิ์ร้อนเรียกว่าสมองหรือชุดพิจารณา ซึ่งแล้วแต่จะเรียกกันนี้มาดูลักษณะของใจที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งไว้ อสัริ (อะสะรีริ) ใจไม่ใช่กาย เป็นคนละส่วนกับกาย ไม่มีสรีระหรือไม่มีโครงสร้างที่จับต้องได้ เอกชฌ (เอกะแฌ) ใจลักษณะเป็นดวง เที่ยวไปดวงเดียว เพราะฉะนั้นที่จะดวง เกิดขึ้นดวงหนึ่งแล้วดับ เวลาก็เกิดดอึกดั่งเดิมนามเท่านั้น ต่อเนื่องกันเป็นสาย แต่ละดวงมีอำนาจในการคิด ๑ ดวงคิด ๑ เรื่อง เพราะฉะนั้น คนเราในเวลาคิดจะคิดได้แต่ละเรื่อง เวลาก็จะคิดได้แต่ละเรื่อง เวลาเราดูทีวี เราเห็นภาพแล้วได้ยินเสียงด้วย เหมือนว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกัน ความจริงแล้วใจคงที่ใดยินเสียงกับใจดวงที่เห็นภาพเป็นคนละดวงกัน แต่เกิดต่อเนื่องกันรวดเร็วจนกระทั่งเราแยกไม่ออก เมื่อใจเกิดขึ้นทีละดวง คิดได้ทีละเรื่อง จึงเป็นโอกาสให้เรา มีความสามารถที่จะเลือกคิดได้ว่าจะคิดเรื่องดีหรือไม่ดี สิ่งนั้นอยู่ที่การฝึกของตัวเรา คูหาเลย (คุหละยัง) ใจถ้าคือกายเป็นบ้านที่อยู่ ใจต้องมีบ้านอยู่ ไม่ร้อน ไม่อึดอัด อาจจะเทียวไปไกล ๆ แม้ตัวนั้นอยู่ที่ไหนก็ตามใจเทียวไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว แต่ไปไม่ได้เหมือนเราปล่อยว่าวไป คือลายโยงไว้ ไปไกลถึงไหนก็แล้วแต่ ถึงเวลาแล้วต้องกลับมาบ้าน ทรวงคม (ทรงคะมัง) ใจชอบเที่ยวไปได้แต่ในที่ไกล ๆ ตัวนั่งอยู่ ใจเที่ยวไปถึงบ้านและกลับมาเรียบร้อยแล้ว ไปหลายเที่ยวแล้วตั้งแต่เช้า ไม่ว่าบ้านเขาหรือบ้านน้ำข้ามทะเล ก็ไปได้ แม้สุดจะไปดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แต่เชวะแบวเดียว กะพริดภีเดียวก็ไป-กลับมาแล้ว สุทุทัล (สุทุทะสง์) เห็นใจได้ แต่ทำได้แสนยาก ทุนิทะคฺคะ (ทุนิคนิคะงัง) หากคิดเลยไปแล้ว ควบคุมใจง่าย เมื่อมีอะไรมาเหยียบ ยังใจ ให้คิดไปแล้ว ยากที่จะกลับ นี่คือธรรมชาติของใจ ลูฐ (ละฺ) ใจเกิดดับเร็วมาก ทนใช้คำว่า ลัดนี้มือเดียว ใจเกิดดับเป็นล้าน ๆ ครั้งต่อ ลัดนี้มือคือเราจนไม่รู้จะเร็วอย่างไร เราจนระทั่งสงเกตไม่ออก เพราะเกิดดับเร็วเหลือเกิน เท่ากับว่าทุกลมหายใจเข้าออก ใจเราดึก-มิดตลอดเวลา โดยที่เราเองไม่รู้ ผนทน (ผนะแนง) ดืนธนูในอาวรณ์ที่หลาย มักคิดเรื่องที่ไม่ควรคิดอยู่ตลอดเวลา ใจคิดอยู่จะอะไรได้เดี๋ยวเดียว เรียกว่าไปคิดอย่างอื่น คิดเรื่องที่ไม่ควรจะคิด คิดหมกหมุ่นในเรื่อง รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสที่นำใจอยู่ตลอดเวลา จปล (จะปะลึ้ง) ไม่ดำรงอยู่ในอาวรณ์เดียว ชอบเปลี่ยนเรื่อง คิดวัดแก้วเหมือนอย่างกับลง ลิงโดกจากึงไม่งหนึ่งไปอีกหนึ่งเร็วอย่างไร ใจของเราก็ชอบคัดวัดแก้วเหมือนลงเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้อย่างนั้น คิดได้เป็นร้อย ๆ เรื่อง แต่ไม่จบสักเรื่องหนึ่ง ผลสุดท้ายเอาด้อไรไม่ได้
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More