การรักษาศีลและการเปลี่ยนแปลงของจิตใจ วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มกราคม พ.ศ.2549 หน้า 39
หน้าที่ 39 / 80

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการรักษาศีลซึ่งทำให้จิตใจของผู้ปฏิบัติเปลี่ยนแปลงจากความคิดทางลบไปสู่ความคิดเชิงบวก เมื่อรักษาศีลนานๆ จนเกิดเป็นอธิศีล ทำให้ใจสะอาดและสามารถเห็นความจริงของสรรพสิ่งได้อย่างชัดเจน การทำสมาธิทำให้เกิดอธิจิต คือจิตที่มีความสงบและสว่างกว่าปกติ สุดท้ายยังทำให้เกิดอธิปัญญา เข้าใจธรรมชาติของกรรมและกิเลส สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถปิดนรกและเปิดสวรรค์ได้ง่ายขึ้น ลงมือฝึกฝนเพื่อไม่ให้เสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์และได้สัมผัสพระพุทธศาสนา.

หัวข้อประเด็น

-การรักษาศีล
-การเปลี่ยนแปลงจิตใจ
-อธิศีลและอธิจิต
-การทำสมาธิ
-การเกิดปัญญา
-ความสะอาดบริสุทธิ์의จิต

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ครั้นรักษาศีลนานๆ เข้า ใจก็เปลี่ยนไปอีก ที่ เคยคิดจะฆ่านั้นหมดไป พอถูกยุงกัด ก็เกิดความคิด ขึ้นมาว่า “สัตว์โลกมันก็เบียดเบียนกันอย่างนี้แหละ เห็นการลัก การขโมย ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า สัตว์โลกก็แย่งชิงกันอย่างนี้แหละ เห็นเขาผิดสามี ผิดภรรยากัน ก็เกิดความคิดขึ้น มาว่า "สัตว์โลกไม่รู้จักควบคุมใจกันอย่างนี้แหละ จากเมื่อก่อนต้องคอยระมัดระวังในการรักษาศีล พอรักษาศีลจนเกิดความคุ้นเคยมากเข้า จนกระทั่ง ศีลกับใจได้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขึ้นมา ก็เลย ไม่ต้องมาคอยระมัดระวังในการรักษาศีลอีกต่อไป เพราะว่าใจนั้นสะอาดบริสุทธิ์ ที่จะคิดร้าย พูดร้าย ทําร้ายใครเป็นไม่มี จากการรักษาศีลธรรมดาๆ กลายเป็นอธิศีล ขึ้นมาได้อย่างนี้ คือรักษาศีลจนกระทั่งกลายเป็นศีล รักษาเรานั่นเอง อุปมาการรักษาศีล ถ้าจะอุปมาการรักษาศีลเมื่อตอนเข้าวัดใหม่ๆ เหมือนอย่างกับเอามะขามเปรี้ยว ๆ มาจิ้มน้ำตาล รสชาติก็เปรี้ยวๆ หวานๆ กันล่ะนะ พอรักษาศีลนานเข้า จนกระทั่งกลายเป็นอธิศีล ก็เหมือนอย่างกับการเอา มะขามเปรี้ยวๆ มาแช่อิ่มในน้ำตาล ปรากฏว่ารส เปรี้ยวไม่มีเหลืออยู่เลย หวานสนิทเช่นเดียวกัน อธิศีลก็ทำให้กายและวาจาของเรา สะอาดบริสุทธิ์ เกินกว่าที่ใครจะคาดคะเนได้ ขั้นตอนการเปลี่ยนจากสมาธิจิตเป็นอธิจิต การฝึกสมาธิอย่างที่ทำกันอยู่ทั่วไปจากใจที่หยุด นิ่งบ้าง หนีไปเที่ยวบ้าง คิดฟุ้งซ่านบ้าง สงบลงไปบ้าง พอฝึกแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันมากเข้าๆ ใจจะหยุด นิ่งสนิทอยู่ที่ศูนย์กลางกายอย่างถาวร ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่หนีไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้ว ซึ่งเป็นความก้าวหน้า ของสมาธิ และนั่นคือเป็นความก้าวหน้าของจิตเราด้วย ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะหลับตา ลืมตา ใจใสสว่าง ทีเดียว เมื่อใจใส ใจสว่าง จึงต่างจากใจของคนธรรมดา ทั่วไป ที่ยังมืดซื้อมืดมิดกันอยู่ ท่านเรียกใจที่มีสมาธิ หลวงพ่อตอบปัญหา พระภาวนาวิริยคุณ ? อย่างนี้ หยุดอย่างนี้ว่า อธิจิต หรือว่าจิตอย่างยิ่ง ขั้นตอนการเปลี่ยนจากปัญญาเป็นอธิปัญญา เมื่อจิตของเราสะอาดอย่างยิ่งด้วยอำนาจแห่ง อธิศีล มีความสว่างยิ่งกว่าตะวันเที่ยงเป็นอย่างน้อย ด้วยอำนาจแห่งอธิจิต สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดตามมา ลองนึกดูก็แล้วกัน ถ้าใจของเรามีความสว่างยิ่งกว่า ตะวันเที่ยง ลูกนัยน์ตาของเราก็คงจะมองอะไรได้ ทะลุหมด แล้วอาศัยความสว่างที่ปรากฏขึ้นมาอย่าง ยิ่งนั้น ไม่ว่าจะมองอะไร ย่อมเห็นและรู้ไปตามสภาพ ความเป็นจริง เช่น รู้เรื่องกรรมที่เราเคยสงสัยนักหนาว่าเป็น อย่างไร รู้ว่าบุญบาปเป็นอย่างไร และสามารถมอง เห็นได้ชัดเจนว่า กิเลสที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ คอยบีบคั้น ใจของเราให้มีความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น เป็นอย่างไร ปัญญาที่เกิดจากการเห็นจากภายใน ซึ่งอาศัย ความสว่างจากอธิจิต ทำให้เห็นถูกต้องตามความ เป็นจริงของทุกสรรพสิ่งทั้งหลาย โดยไม่ต้องเสียเวลา คิดนี้ ท่านเรียกว่า อธิปัญญา เพราะฉะนั้น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา จึงเป็น เสมือนลูกโซ่ที่ต่อเนื่องกันมาจากการที่ได้ศึกษาเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา มาตั้งแต่ต้นนั่นเอง คือศึกษาแล้วไม่ศึกษาเปล่า เมื่อรู้และเข้าใจแล้ว ก็เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการนำมาประพฤติปฏิบัติ ฝึกฝนตนเอง จนกระทั่งกาย วาจา ใจ เกิดความ สะอาดบริสุทธิ์อย่างยิ่ง เกิดความสว่างอย่างยิ่ง แล้วก็ เกิดความสงบอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ความสะอาดบริสุทธิ์ ความสว่าง และความสงบของกายและใจนี้ จึงเป็นเรื่องที่พวกเรา ทุกคนต้องฝึกกันให้ได้ เพื่อเราจะได้ปิดนรกให้สนิท และเปิดสวรรค์ได้เต็มที่ ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถถาง ทางไปพระนิพพานได้สะดวกสบายเหลือเกิน ตั้งใจ ฝึกกันให้ดี จะได้ไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และ ได้มาพบพระพุทธศาสนา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More