SUPER MONK (ซูปเปอร์ มังค์) วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มกราคม พ.ศ.2549 หน้า 46
หน้าที่ 46 / 80

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เล่าเรื่องราวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาวัดคีรีวงศ์จากวัดร้าง สู่ศูนย์ปฏิบัติธรรม โดยท่านได้ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเผชิญกับอุปสรรคทั้งภายในและภายนอก หลวงพ่อได้เปิดเผยถึงความยากลำบากในช่วงแรกที่มาประจำอยู่ที่วัดนี้ เช่น การต่อต้านจากประชาชนที่อยากครอบครองพื้นที่ การเข้ามาก้าวก่ายของกลุ่มคนต่างๆ และความ แต่ท้ายที่สุดท่านก็ได้สร้างสถานที่เพื่อเผยแผ่ธรรมะให้กับสาธุชนและเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมในการปฏิบัติธรรม.

หัวข้อประเด็น

-พุทธบุตรแห่งคีรีวงศ์
-การพัฒนาวัดคีรีวงศ์
-ความยากลำบากของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
-การเผยแผ่ธรรมะ
-อุปสรรคที่พบในการทำงาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

SUPER MONK (ซูปเปอร์ มังค์) พุทธบุตรนักปราชญ์แห่งคีรีวงศ์ เรียบเรียงโดย วิกานดา ลิมป์ธนาภิลัคน์ “ความประทับใจ คือ ที่หลวงพ่อมีวันนี้ได้ ก็เพราะ มีหลวงพ่อวัด ปากน้ำ ไม่มีหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อก็คงไม่ได้ไปอยู่กรุงเทพ อรุณรุ่งของเช้าวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง เผยให้ เห็นสีทองอร่ามตาขององค์พระเจดีย์ ที่ประดิษฐานอยู่ บนยอดเขาดาวดึงส์ แห่งเมืองนครสวรรค์ได้อย่างชัดเจน เป็นภาพที่นำความปลื้มปีติแก่ผู้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เช่นเดียวกับการเผยแผ่ธรรมะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าไปสู่สาธุชนทั้งหลายของพุทธบุตรแห่งบุญ สถานนาม “คีรีวงศ์" พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมตตาเล่าถึงสภาพวัด ให้ฟังว่า “ที่วัดคีรีวงศ์ เดิมมีพระธุดงค์พบซากวัตถุ โบราณก็สงสัยว่าจะเป็นวัดร้าง จึงแจ้งกรมการศาสนา และกรมศิลปากรทราบและมาสำรวจปี พ.ศ. ๒๕๐๗ สำหรับพระธุดงค์ชวนญาติโยมมาสร้างกุฏิเล็ก ๆ อยู่ ๔-๕ หลัง แต่ถูกต่อต้านจากประชาชนที่เขาครอบครอง ที่อยู่ ก็เลยอยู่ไม่ได้ องค์อื่นน่ะไม่มีใครอยากมาหรอก สมัยนั้นอยู่บนป่าบนเขา น้ำประปา ไฟฟ้าไม่มี สถานที่ วัดคีรีวงศ์นี้มีเนื้อที่มาก มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ดินถ้าหาก มาพัฒนาให้เจริญแล้ว ก็สามารถทำประโยชน์ให้แก่ พุทธศาสนาและประชาชนได้มาก หลวงพ่อตั้งใจจะ สร้างสำนักปฏิบัติธรรม ก็เลยตัดสินใจเสี่ยงบารมีรับ นิมนต์มา” นอกจากนี้นายสนิท กมุทชาติ ซึ่งเป็นช่าง ก่อสร้างวัดคีรีวงศ์ได้เล่าว่า “วัดคีรีวงศ์นี้เป็นวัดที่มีแต่ป่า มีศาลากุฏิเล็ก ๆ มุงสังกะสีเป็นเพิงเล็กๆ ไม่ใหญ่โตมุง กระเบื้องอย่างนี้หรอก” เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร พระเดชพระคุณพระ วิกรมมุนีหรือสามเณรบุญรอดในขณะนั้น ได้มีโอกาสไป ศึกษานักธรรมบาลีที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยการ สนับสนุนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) จนสามารถสอบเปรียญธรรมประโยค ๓ ได้สําเร็จ ต่อมาเมื่อท่านได้รับมอบหมายให้มาฟื้นฟูวัดคีรีวงศ์ ซึ่งเป็นวัดร้างที่มีกลุ่มคนหลายกลุ่มเข้ามาครอบครอง และแสวงหาผลประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว แต่ท่านก็ยังคง มุมานะ ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความขัดแย้ง โดยมีเมตตาธรรมเป็นเกราะ ป้องกันภัย อุปสรรคที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจอนั้นมีทั้ง ปัญหาจากภายในและภายนอก พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เล่าว่า “ตอนที่หลวงพ่อมาอยู่ ๓ เดือนนั้น มีปัญหา ภายในก็มีทหารกับแม่ชีมาตั้งตัวเป็นผู้วิเศษมาหาผล ประโยชน์ ส่วนปัญหาภายนอกก็ถูกต่อต้านจากคนที่ ต้องการครอบครองที่ดิน พอออกพรรษาหลวงพ่อจึง ประกาศยกเลิกไม่ให้มีการรักษาคนป่วย ไม่ให้เสดาะ เคราะห์ต่อชะตาอีก ต้องการจะมุ่งสร้างเป็นสำนัก ปฏิบัติธรรมเผยแผ่ธรรมะ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นวัด ไม่มีกำแพง มีผู้ครอบ ครองที่ดินวัดอยู่ จะขายที่ดินในเขตวัดให้คนอยู่อาศัย หลวงพ่อก็ห้าม เขาก็ไม่เชื่อ หลวงพ่อเลยคิดทำกำแพง ป้องกันไม่ให้คนมารุกล้ำ มีคนหนึ่งที่เป็นข้าราชการ ตำรวจซึ่งมีบ้านติดกำแพงมาคัดค้าน ตอนกลางคืนเรา ปักหลักไว้ แล้วเขาก็มาถอนทิ้ง กลางวันเราก็ให้ช่างทำต่อ จนมีปัญหาคือ เขากั้นปิดทางไม่ให้คนเดิน ต้องร้องเรียน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More