โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ฝึกสมาธิแล้วตัวแข็งเหมือนก้อนหิน จะแก้อย่างไรครับ?
คำตอบ: กรณีอย่างนี้เคยพบมาหลายท่าน วิธีแก้ไม่ยาก ก่อนจะนั่งให้กำหนดใจไว้ที่หน้าท้อง แล้วเลื่อนไปตั้งไว้ในกลางท้องเลย กำหนดนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นปลดความกังวล วางใจเบาๆ อาการตัวแข็งจะค่อยๆ หายไป กลับมีอาการชุ่มชื่นเบิกบานใจเข้ามาแทนที่ แล้วความสว่างจะเข้ามาในกลางห้อง อาการเกร็ง อาการเครียดจะหายหมดกำหนดใจนิ่งๆ ปลดความกังวล วางใจเบาๆ อาการตัวแข็งจะค่อยๆ หายไปทำง่ายๆ อย่างนี้แหละ คือเลื่อนฐานที่ตั้งจิต จากหน้าท้องเข้าไปในกลางท้อง หรือสมมุติเรามีเส้นด้าย ๒ เส้นขึงให้ตึง เส้นที่ ๑ ขึงจากสะดือทะลุหลัง เส้นที่ ๒ ขึงจากเอวซ้ายทะลุเอวขวา เส้นด้ายทั้ง ๒ เส้นนี้ตัดกันตรงไหน เหนือจุดตัดนั้นขึ้นมา ๒ นิ้วมือ (นิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน) ให้เอาใจไปวางไว้ตรงนั้น แล้วทำอารมณ์สบาย ๆ อาการแข็งดังกล่าวจะหายไปหมด ลองทำดูนะคำถาม: ผมเคยบอกให้คนแถวบ้านผมมาวัดพระธรรมกาย แต่เขากลับตอบว่าไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา มิหนำซ้ำยังขอเงินผมไปเล่นไพ่อยู่ตลอดเวลา เตือนเป็นครั้งที่ ๑๗ แล้วก็ยังไม่เชื่อ ผมควรทำอย่างไร ?
คำตอบ: เตือนมาตั้ง ๑๗ ครั้งแล้ว (แหม...ช่างจำช่างนับจังเลย) เขายังไม่เชื่อ มันน่าจะได้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ตักน้ำรดหัวตอน่ะตอมันไม่งอก เพราะตอมันตายแล้ว อืม...แต่ไม่แน่นะ รดน้ำลงบนตอไม้ผุบ่อยๆ เราอาจได้เห็ดหูหนู หรือเห็ดตามธรรมชาติมากินกันชวนเพื่อนมาวัดพระธรรมกายหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมมาเราไปชวนเขามาวัดพระธรรมกาย เขาไม่มา แล้วเคยเห็นเขาไปทำบุญวัดอื่นบ้างหรือเปล่า ก็คงไม่ได้ไป เพราะมัวแต่ไปเล่นไพ่เขาถามคุณว่าไปวัดพระธรรมกายแล้วได้อะไรขึ้นมา แสดงว่าคุณไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนก่อนเข้าวัดเลย เพราะฉะนั้น คุณต้องเร่งปฏิบัติธรรม ปรับปรุงตัวเองให้สมภูมินักปฏิบัติธรรมมากๆ ถ้าคุณดูดีขึ้นกว่าเดิม คนแถวบ้านจะอยากรู้เองว่า วัดที่คุณไปมีดีอะไร จึงเปลี่ยนแปลงคุณให้ดีขึ้นได้อย่ามัวแต่เคี่ยวเข็ญคนอื่นเลย เคี่ยวเข็ญตัวเองให้มากๆ อย่างน้อยคนที่มาขอเงินคุณไปเล่นไพ่บ่อยๆ อาจจะไม่กล้ามาขอเงินคุณอีกก็ได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของคนชั่วคนพาลที่มักแสลงต่อความดี ไม่อยากเข้าใกล้คนดี ส่วนคนดีๆ เขาก็อยากได้เพื่อนคนดีๆ ถ้าคุณดีจริงเขาก็ตามคุณมาวัดเองนั่นแหละ อย่าเบื่อที่จะชวนคนมาวัดเลยคำถาม: ขอรบกวนหลวงพ่อได้โปรดอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ให้ด้วยค่ะ ?
๑. ตาเหมือนตาไม้
๒. หูเหมือนหูกระทะ
๓. กายเหมือนผ้าเช็ดเท้า
๔. ใจประดุจแผ่นดิน
คำตอบ: ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ความจริงเขาใช้เต็มๆ ว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่ ตาไม้ไผ่ถ้าเราไม่ริดเสีย ปล่อยให้ติดลำไว้เป็นแขนงยาวประมาณสักคืบกว่าๆ เหลือไว้อย่างนี้ตลอดลำไม้ไผ่ ก็สามารถเอาไม้ไผ่ลำนั้นไปทำประโยชน์ได้ ชาวบ้านเขาเอาไว้ใช้ทำพะอง รู้จักพะองไหม ?พะอง คือ บันไดสำหรับขึ้นต้นตาลสูงๆ ไม้ไผ่มันจะมีกิ่งมีแขนงแตกออกจากตา เป็น ๒ ข้างสลับกัน เราตัดแขนงให้เหลือสักประมาณคืบ ก็ใช้สำหรับเป็นที่เหยียบขึ้นแทนบันไดได้สบายๆตาเหมือนตาไม้ไผ่ หมายถึง นัยน์ตาของคนเรานั้น อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูตาเหมือนตาไม้ไผ่ อุปมาข้อนี้หมายถึงว่า นัยน์ตาของเรานี่นะ อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูมันเลย เหมือนอย่างตาไม้ไผ่ซึ่งสักแต่ว่าเป็นตา แต่ใช้ตาดูไม่เป็นหรอก ท่านใช้อุปมาเช่นนี้ก็เพื่อจะบอกว่าอะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดู มันไม่ควรมองก็อย่าไปมองมัน อย่าเที่ยวไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านเขามากนัก เดี๋ยวใจจะฟุ้ง เดี๋ยวจะมีเรื่องทำเหมือนตาไม้ไผ่ โดนเหยียบขึ้นไปๆ มันก็เฉย ไม่เอาเรื่องกับใครหูเหมือนกระทะ หูกระทะนี่น่ะเอาไว้ทำอะไร เอไว้ฟังหรือเปล่า เปล่านะ เขาเอาไว้เป็นที่สำหรับแขวนตัวกระทะอุปมานี้หมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟัง ก็อย่าไปฟัง ไม่อย่างนั้นเขาว่าเราไปฟังเอง ฟังแล้วโกรธทำไมเล่า ก็ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็หมดเรื่องเ ขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่าถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้าตัวเขาเองนั่นแหละหูเหมือนกระทะ หมายถึงเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟังก็อย่าไปฟังเคยเตือนหลายๆ คนว่า คนเราถูกด่าแล้ว เอาละพอฝึกใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่งนะ ที่เก่งกว่านั้นยังมีคือชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้วยิ้มนี่ซิ ลูกถึงได้เต็มบ้านหลานถึงได้เต็มเมือง ไปได้ยินคำชมน้องจ๊ะน้องจ๋า สวยจริงๆ...เลยเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้ก็สบาย ป่านนี้บวชเป็นแม่ชีไปแล้วกายเหมือนผ้าเช็ดเท้า ธรรมดาผ้าเช็เท้าเวลาใครเอาเท้าสกปรกๆ มาเช็ด มันเคยบ่นไหม ไม่เห็นมันบ่นเลย...มีไหมผ้าเช็ดเท้าบ้านใครบ่นได้บ้าง? ไม่บ่นหรอก อุปมานี้ท่านตั้งใจจะเตือนว่า...คนเราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เลือกงานกันแหละ ขอให้งานนั้นเป็นงานอาชีพสุจริตก็ทำเข้าไปกายเหมือนผ้าเช็ดเท้า คือคนเราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เลือกงานนั่นเองคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านพูดเสมอๆ ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เข้าวัด ถ้ามันถึงคราวจะต้องไปรับจ้างเขาเทกระโถนล้างกระโถนก็เอา เพราะมันเป็นอาชีพบริสุทธิ์ แต่จะให้ไปลักขโมยใครเขา หัวเด็ดตีนขาดยายไม่ยอมทำ จะทำกายอย่างกับผ้าเช็ดเท้า ใครจะโขกจะสับอย่างไรก็ยอมละ เพื่อให้ได้อาชีพที่สุจริต แต่จะให้ไปโกงไปกินเขา เพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ ไม่เอาเด็ดขาดใจประดุจแผ่นดิน ใจพวกเราส่วนใหญ่ไม่เหมือนแผ่นดิน แต่เหมือนขี้ผึ้งลนไฟ มันปวกเปียกๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยตรัสเรื่องใจเหมือนแผ่นดินกับพระราหุลว่าถ้าทำใจเหมือนแผ่นดินได้อย่างนี้ธรรมะก็อยู่แค่เอื้อม“แผ่นดินนี้ ใครเอาน้ำหอมไปรดไปราดมัน มันดีใจไหม ไม่ดีใจมันก็เฉย ๆ เอาของเหม็นไปรดไปราด มันทุกข์ใจไหม มันก็เฉยๆ ราหุล...เธอทำใจให้ได้อย่างนั้นแหละ ใครมาทำอะไร เธอก็อย่าไปเอาเรื่องเอาราวกับเขา ตั้งใจปฏิบัติธรรมของเธอไป แล้วเธอจะหมดกิเลสได้เร็ว”ถ้าทำใจเหมือนแผ่นดินได้อย่างนี้ธรรมะก็อยู่แค่เอื้อม พวกเราใจไม่หนักแน่น เขาด่า เขาว่าเข้าหน่อย เจ็บใจ ทั้งๆ ที่มันก็แค่ลมมากระทบหู พัดลมเป่ายังแรงกว่านั้นอีกนะ ลมปากเป่าเบาๆ หน่อยเดียว อุ๊ย! เจ็บใจ ถ้าอย่างนี้ก็คงมีเรื่องเจ็บช้ำน้ำใจไปตลอดชาติ ให้รีบแก้ไขกันเสียนะ
http://goo.gl/dTWv4