โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ถ้าเราไม่ได้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง แต่ได้จ้างหรือสั่งให้ผู้อื่นฆ่า จะถือว่าบาปหรือไม่ ถ้าบาปจะมีวิธีแก้ไข ผ่อนหนักเป็นเบาได้อย่างไร? เพราะว่ามันเป็นอาชีพ
คำตอบ: บาปแน่นอน วิธีแก้ไขก็ไม่เห็นยากอะไร เราก็เลิกอาชีพนี้เสียถอนตัวออกมา อาชีพในโลกนี้มีเป็นพันเป็นหมื่น หาอาชีพหลักอาชีพที่ไม่ฆ่าสัตว์นี่หาไม่ได้จริงๆ หรืออาชีพฆ่าสัตว์เคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วว่าหลวงพ่อเองเมื่อเป็นนิสิต อาจารย์เห็นว่าเป็นคนมีฝีมือในการทำงานดี ท่านไว้เนื้อเชื่อใจมาก เลยให้ไปคุมโรงฆ่าสัตว์ ต้องไปดูเขาฆ่าอยู่หลายปี ในทีสุดพอรู้ตัวว่า เอ๊ะ...นี่มันบาป ก็หาทางหลบทางเลี่ยงไป ทีแรกเรียนเกี่ยวกับเรื่องวัวเนื้อ ต้องดูเขาฆ่าวัวทั้งตัวผู้ตัวเมีย จึงหลบมาเรียนเรื่องวัวนมวัวนม โดยทั่วไปเขาฆ่าแต่วัวตัวผู้ เพราะมันไม่ให้นม วัวตัวเมียไม่ต้องฆ่า เก็บไว้ก่อนให้มันให้นมก่อน แต่ในที่สุดก็ต้องฆ่าอีกนั่นแหละ ก็เลยหาทางเลี่ยงต่อไปอีก แก้ไขเปลี่ยนแปลงจากวัวนมไปเรียนผลิตภัณฑ์นม ทำ Cheese ทำ Butter ทำไอศรีม ฯลฯ หมดเวรเรื่องฆ่าสัตว์กันไปที หลวงพ่อก็แก้ไขกันตัวเองออกมาอย่างนี้สำหรับคุณโยมขอเตือนว่ายังพอมีอาชีพในโลกนี้อีกมากมาย รายได้ก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกันเงินทองทุกบาททุกสตางค์ที่เราได้มาจากการประกอบอาชีพนั้น ขอให้ได้มาเพราะบุญเถอะนะ อย่าให้ได้มาเพราะบาปเลย เราจะได้นำเงินนั้นมาเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวด้วยความภูมิใจ อิ่มเอมใจ วันข้างหน้าเมื่อเรานึกย้อนกลับไปดูอดีต ก็จะภูมิใจว่าตัวเราครอบครัวเรา ลูกน้องเรา และกิจการของเรา เจริญก้าวหน้ามาได้ดวยความสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่แปดเปื้อนเลือดเนื้อของใคร หรือทำให้ใครต้องพลอยรับบาปกรรมเลยนึกถึงทีไรใจเราก็จะเป็นสุขทุกครั้ง และบุญนี้ก็จะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติอีกด้วยคำถาม: หนูเพิ่งจะเริ่มถือศีล เพื่อจะเอาชนะคำพูดของหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดว่า ถ้าศีลขาดข้อหนึ่งข้อใด ก็ยากที่จะไปถึงนิพพาน หนูพยายามทำทุกอย่างที่คิดว่าทำแล้วเป็นบุญเป็นกุศล เพื่อที่จะทดแทนศีลที่ขาดไป หนูอยากถึงธรรมกาย แต่หนูฆ่ามดกับปลานิดเดียวเท่านั้นเองคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ?
คำตอบ: เลิกเสียนะลูกนะ ฆ่าอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น จะรักษาศีล ๘ ก็ให้มันครบทั้ง ๘ ข้อ อย่าเที่ยวเอาไอ้โน่นมาชดเชยไอ้นี่ มันชดเชยกันไม่ได้หรอกมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง คือความคิดที่จะเอาไอ้นั่นมาชดเชยไอ้นี่ อย่างที่หนูทำนั้น ได้เคยเกิดในประเทศอินเดียมานานแล้ว จนทำให้ศาสนาพุทธแบ่งเป็น ๒ นิกายขึ้นมา คือเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระสาวกของพระองค์ก็แบ่งเป็น ๒ พวกพวกหนึ่งจะรักษาพระวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเอาไว้อย่างเคร่งครัดทุกข้อ ไม่ว่าวินัยข้อเล็กข้อใหญ่ วินัยเบาบางอย่างไรก็จะไม่แก้ไข ไม่ตัดออกทั้งนั้น พระภิกษุกลุ่มนี้เรียกกันว่า นิกายหินยาน(หรือเรียกว่าฝ่ายเถรวาท) ได้แก่พระภิกษุที่อยู่ทางภาคใต้ของอินเดียซึ่งต่อมาได้นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ถึงลังกา ไทย ลาว เขมร และพม่าส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า นิกายมหายาน พวกนี้ตั้งใจจะให้มีสมาชิกมากๆ วินัยบางข้อถ้ารู้สึกว่าปฏิบัติยาก ก็ยกเลิกเสียเฉยๆ โดยอ้างว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสอนุญาตไว้ว่า สิกขาบทเล็กน้อยต่อไปในภายภาคหน้าถ้าถือปฏิบัติยาก เพราะโลกเปลี่ยนไปจะยกเลิกเสียบ้างก็ได้เป็นบางข้อด้วยคำตรัสอนุญาตประโยคนี้นั่นเอง พระภิกษุบางกลุ่มอยู่แถบหนาว ก็ปรารภขึ้นมาทีเดียว “แหม...อากาศหนาว อยากกินเหล้าให้มันอุ่นกระเพาะ จะทำไงดี งั้นเรายกวินัย(Placeholder1)ข้อนี้ออกให้กินเหล้ากันได้เถอะนะ”หลวงจีนบางกลุ่มอยากจะมีเมีย “แหม...มันจำเป็น” พออ้างความจำเป็นเสร็จก็มีเมียกัน เพราะฉะนั้นพระภิกษุในลัทธิมหายานจึงมีเมียได้กินเหล้าได้ บางทีก็ฆ่าคนได้ ใครเคยดูหนังกำลังภายในบ้าง “วันนี้ฮุดเอี้ยจำเป็นจะต้องละศีลปาณาฯ เพื่อบ้านเมือง” ว่าแล้วหลวงจีนก็คว้าดาบไปไล่ฆ่าชาวบ้านตกลงเป็นอันว่าถ้าเกิดไม่พอใจวินัยข้อไหน หรือรู้สึกว่าเข้มงวดกวดขันนัก ก็ยกเลิกเสียเลย แล้วไปหาข้อห้ามอย่างอื่นกระจุ๊กกระจิ๊กมาแทน เช่น ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่อยู่ในบ้านในเมือง ถือเคร่งเพื่อไปชดเชยศีลข้อที่ขาดไป หนูก็เหมือนกันกำลังทำบุญเพื่อทดแทนศีลที่ขาดไป นี่เอาอย่างหลวงจีนนะหลวงพ่อขอยืนยันว่า ถ้ายังฆ่าสัตว์อยู่ ไม่มีทางจะไปนิพพานหรอกหนูเอ๋ย จะเอาชนะคำพูดของหลวงพ่อด้วยการไปนิพพานให้ได้น่ะแต่วิธีการยังไม่ถูกต้องนะลูกนะ
http://goo.gl/bi4HR