การเดินทางของชีวิต: จากความยากจนสู่ความสำเร็จ วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2550 หน้า 62
หน้าที่ 62 / 84

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของผู้เขียน ที่เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ต้องทำงานไปด้วยเรียน และสอบเข้าเพื่อศึกษาต่อ การเปิดโรงเรียนกวดวิชากลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคจากทีมงานที่แตกแยกและมีการแข่งขัน นำมาซึ่งคำถามเชิงลึกว่า 'ทำไมถึงแตกต่างจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ?' ในการต่อสู้เพื่อฝัน เขาใช้พลังจากคำถามและความเสียดสีเป็นแนวทางสู่การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เพื่อช่วยคนอื่นที่มีความฝันเช่นเดียวกัน

หัวข้อประเด็น

-การต่อสู้ของชีวิต
-การศึกษาและความสำเร็จ
-การเปิดโรงเรียน
-การตั้งคำถามเพื่อพัฒนา
-ความยากจนและการเปลี่ยนแปลง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๖๐ การให้ผู้ช่วยทำ ผมเองก็เกิดมาด้วยฝีมือคุณย่า ท่าน ค่าเล่าเรียน เมื่อเรียนจบหัวใจก็สั่งลุย ผมได้ทำงาน เอ็นดูผมมาก ปรารถนาจะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้ ที่บริษัท U-COM วันหยุดเสาร์อาทิตย์จะหาซื้อ แต่ผม Say No' เป็นผลให้วิชาเหล่านี้สูญหายไป พร้อมกับชีวิตของหญิงชราวัย ๙๔ ปี เสื้อผ้าแถวสำเพ็ง โบ๊เบ๊ไปเปิดร้านขายที่ภาคใต้ จ้าง คนดูแลร้าน ภายใน ๓ เดือนร้านของผมก็ชื่อดัง พ่อแม่ผมทำนาประเภทหลังสู้ฟ้าหน้าจมดิน ที่สุดในสงขลา ผมยังอุตสาหะทำงานไปด้วยเรียน คือยิ่งทำยิ่งจน ลูกๆ ๕ คน มีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ที่จังหวัดสงขลา จึงเปลี่ยนจากทำนามาเลี้ยงหมู เสริมด้วย ก็ยิ่งไม่ประสบความสำเร็จ มีหนี้สินท่วม หัวกว่า ๒ ล้านบาท กระทั่งผมโตยังต้องคอยตาม ใช้หนี้ให้ท่านเรื่อยๆ ต่อไปด้วย เหนื่อยมาก เหนื่อยจนลืมเลือนคำถามที่ เคยดังก้องอยู่ในใจตลอดมา ประกอบกับความเป็น คนคิดใหญ่ทำใหญ่ ผลักดันให้ตะเกียกตะกายจะ ต้องไขว่คว้าดวงดาวให้ได้ เมื่อเรียนจบผมจึงได้ ออกจากงานด้วยความมั่นใจที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง และโดดเด่นกว่า ด้วยความคิดสร้างสรรค์ผมจึงเปิด โรงเรียนกวดวิชานักเรียนสายอาชีวะเพื่อสอบเข้า คณะวิศวะ ช่วงนั้นสถาบันกวดวิชาหลายแห่งล้วน เปิดสอนแต่นักเรียนสายสามัญ โอกาสทองเป็นของ ตัวผมเป็นลูกคนสุดท้อง เมื่อผมเจริญวัยอายุ ได้ 6 ขวบ คำถามว่า “ทำไมๆ ๆ” ผุดขึ้นมาเต็มหัว ไปหมด ทำไมเด็กบ้านอื่นได้ไปเล่น ทำไมผมต้อง ช่วยงานบ้าน ทำไมบ้านผมจึงต้องยากจน ทั้งที่ ขยันกว่าคนอื่น ทำไมความรู้ความสามารถแต่ละ ผมแล้ว ผมเปิดสอนที่หาดใหญ่เป็นแห่งแรกใน คนไม่เท่ากัน ทำไมคนเราจึงต่างกัน ตอนนั้นมีแต่ คำถามว่าทำไมๆ ๆ ๆ อยู่ในหัวของผมเต็มไปหมด แต่แล้วก็มีคำแนะนำมาว่า “ต้องเรียนหนังสือให้จบ สูงๆ เท่านั้นจึงจะรู้คำตอบนี้ได้” คำบอกนั้นเป็น แรงขับเคลื่อนให้เด็ก ป.๕ คิดหาหนทางที่จะพลิกดิน ตะกายสู่ดวงดาวไปเรียนต่อให้ได้ถึงศูนย์กลาง การศึกษา คือ กรุงเทพฯ แต่พ่อแม่ไม่อนุญาต เพราะไม่มีเงินและยังเล็กอยู่ ผมก็หาช่องทางไปอยู่ กับหลวงลุงซึ่งเป็นญาติที่วัดย่านนนทบุรีจนได้ ทว่า อยู่ได้ปีเดียว ท่านก็มีอันต้องย้ายไปเป็นเจ้าอาวาส ที่พัทลุงเป็นเหตุให้ผมต้องกลับไปด้วย ผมจึงเหมือน คนที่กำลังยื่นมือคว้าดาวทอแสงงาม แต่ชั่วพริบตา มันดับวูบกลายเป็นดินดังเดิม การเรียนของผมที่ พัทลุงบางช่วง ต้องเดินทางไปกลับวันละ ๑๔๐ กม. ที่แย่คือย้ายไปอยู่กับคนโน้นที่คนนั้นที่กว่า ครั้ง ๓๐ ประเทศไทย ด้วยความสามารถในการถ่ายทอด เทคนิค เด็กจึงแห่มาเรียนกันกว่าสามร้อยคนจน ต้องเตรียมขยายสาขา แต่ทว่าทีมงานซึ่งเป็นรุ่นพี่ แยกตัวไปเปิดโรงเรียนแข่งกับผม ผมสะดุดเฮือกเล็ก ๆ Goo ไม่มีทางยอมแพ้ หาทีมงานใหม่ ขยายสาขาไป ทั่วประเทศ ๑๕ แห่ง มีสถิติการรับสมัครสูงสุด คนต่อครั้ง ทำให้ผมเป็นโรคหอบทรัพย์ทันที ความ รุ่งเรืองอยู่กับชีวิตผมได้ ๒ ปี ก็ต้องสะดุดอีกครั้ง คือ ทีมงานดังแล้วแยกวงอีก แต่ด้วยหัวใจที่ไม่แพ้ ผม กลับมาคิดใหม่ทำใหม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไม เราถึงไม่สำเร็จเหมือนคนอื่น ทำไมเราถึงแตกต่าง จากคนที่สำเร็จ คำถามของผมเริ่มกลับมาทำงาน อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันทวงหาคำตอบอย่างจริงจัง ทำอย่างไรเราจะ Copy ความสำเร็จรูปของคนอื่น มาใส่ในตัวเรา ถ้าทำได้จะพัฒนาคนให้หมดทั้ง ประเทศให้สำเร็จเหมือนกันหมด เมื่อยังหาคำตอบ ที่แน่ชัดไม่ได้ ผมได้แต่คิดว่าความสำเร็จทุกอย่าง แต่ผมก็สามารถร่ำเรียนจนจบ ปวช. และสอบติดที่ สถาบันพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กรุงเทพฯ ผม เลือกเรียนภาคค่ำเพื่อจะทำงานหาเงินเป็นค่าเช่าห้อง มันคงอยู่ที่เราจะต้องไขว่คว้าหามาเอาเอง... แล้วผม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More