ข้อความต้นฉบับในหน้า
1. เราจะก๋าจัดความหิวไปเสีย
2. ให้มีแรงขึ้นมาจะได้ปฏิบัติธรรม
3. แล้วต้องไม่ทำให้ศรัทธาของญาติโยมเสียไปด้วย ต้องรักษาศรัทธาเขาเอาไว้
4. ยิ่งเราเอาเรี่ยวแรงไปฏิบัติธรรม จนเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ เราก็ได้บุญเยอะ ญาติโยมก็ได้บุญเยอะตาม
ไปด้วย มองอย่างนี้ละก็ไม่เสียทีที่มาอบรมกัน บูชาข้าวพระทำให้มีข้าวทิพย์ เป็นการกินอย่างมีคุณค่าของคน
โบราณ
เรื่องการบูชาข้าวพระนี่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่วันแรกแล้ว การบูชาข้าวพระ เป็นความฉลาดของบรรพบุรุษของเรา
ที่ทำใจให้ผ่องใสก่อนกินข้าว เมื่อใจผ่องใสก่อนกินข้าว ข้าวที่เรากินเข้าไปเมื่อเกิดเป็นเรี่ยวแรงแล้วก็สามารถที่จะ
ทำความดีด้เต็มที่ ข้าวนั้นเลยกลายเป็นข้าวทิพย์ กลายเป็นข้าวบุญไป เป็นข้าวแห่งความดี ส่วนกินเมื่อตอนใจขุ่นมัว
กินแล้วไปทำความชั่ว หรือแม้ถ้าไม่ได้ทำความชั่ว กินแล้วก็เฉย ๆ ไปนอน อย่างนี้ข้าวนั้นก็เป็นแค่ข้าวขี้เกียจ ข้าวบาป ไม่
เกิดประโยชน์ทั้งตัวเอง ญาติโยมที่ทำบุญมา เขาก็ไม่ได้บุญ เราจะทำข้าวทิพย์กินกัน เพื่อประโยชน์ของเราด้วย
เพื่อประโยชน์ของเจ้าภาพที่ได้เสียสละมาด้วย
เรามองข้าวปลาอาหารของเราให้จำได้ มองนิ่ง ๆ ให้จำได้ พอจำได้เราก็ทำใจของเราว่าง ๆ โล่ง ๆ โปร่ง ๆ เบา ๆ
เมื่อใจว่าง โล่ง โปร่งเบาดี ใจจะขยายกว้างออกไป แล้วเราก็นึกน้อมเอาข้าวปลาอาหารของเราทั้งจานนั่นแหละ เอามาตั้ง
ไว้กลางท้อง เวลานึกน้อมเอาอาหารไว้กลางท้องไม่มีน้ำหนักใด ๆ เกิดขึ้นเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร เหมือน
ภาพที่ปรากฏในกระจกเงานะ ภาพที่ไปอยู่ในกระจกเงา ไม่ต้องมีกำลังอะไรบังคับ เกิดของมันเอง เบา ๆ นิมิตข้าวทั้งจาน
เอาไปตั้งไว้กลางท้องให้เบาเหมือนภาพที่ปรากฏในกระจกเงา จากนั้นเราก็รวมใจของเรา ทำความรู้สึกเหมือนอยู่ต่อหน้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์จริง แล้วตั้งใจนั่งพับเพียบพนมมือกล่าวคำบูชาข้าวพระพร้อม ๆ กันนะ (กล่าวคำบูชาข้าว
พระ) นะโม 3 จบ (อิติปิโส...โลกัตสา ติ)
เราก็รวมใจนิ่งนึกอธิษฐานเรียกบุญของเรา ที่สร้างมาดีแล้วนับด้วยร้อยชาติพันชาติหมื่นชาติแสนชาติ ในปัจจุบัน
ชาติก็ดี ให้บุญที่เราสะสมไว้ดีแล้ว ตั้งแต่เล็กแต่น้อยเรื่อยมา ข้ามภพข้ามชาติมาด้วย จนกระทั่งรวมกันเป็นบุญใหญ่
กลายเป็นบารมี ให้ทั้งบุญทั้งบารมีของเรา กลั่นข้าวปลาอาหาร ตลอดจนกายวาจาใจให้ใสบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าเพชร
น้ำดีเสียอีก ข้าวทุกเม็ดกับทุกชิ้นอาหารทุกช้อนตลอดจนถ้วยจานชามทั้งหมดที่มีอยู่ให้ใสเป็นแก้ว แล้วนึกน้อมประเคน
กับธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับกราบขอเติมบุญบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์อำนาจวาสนา ว่าตัวของข้าพเจ้า
ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมมาบวชในการอบรมธรรมทายาทครั้งนี้ มาด้วยความเต็มใจ เพราะฉะนั้น ทุกข์โศกโรคภัยใด ๆ
อย่าได้มารบกวนเลย ให้ข้าพเจ้ามีแต่ความสุขกาจสุขใจ สามารถบำเพ็ญบุญสร้างบารมีได้ตลอดรอดฝั่ง สมใจนึกทุก
ประการ ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปได้โดยง่าย แล้วเราก็ลาข้าวพระพร้อม ๆ กัน ด้วยคำว่า เสสัง มังคะลัง ยาจามะ
รับประทานขาวกัน
3