ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประชุมแล้วพากันสวดวิญญาณประยูรมีเดินเวียนรอบบุคคลนั้นว่า ขอให้ ที่ตายไปแล้ว จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วิณฒนา นรก ตามความปรารถนาของมหาชนได้หรือไม่
ผู้ใหญ่บ้านตอบอย่างจะฉนวนว่า "หามได้พระเจ้า?" ย่อมเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด พระพุทธองค์จึงตรัสถามต่อไปว่า "ดูก่อนคามณี" เปรียบเหมือนบุรุษคนหนึ่ง ลงไปในห้วงน้ำ ใต้ไส้หรืออมน้ำมัน ก้อนกองหินหรือก้อนหินที่อยู่ในห้วงนั้นพึงลงมิก หรืออมน้ำมันที่อยู่ในห้วงนั้นพึงลงชั้น หมู่มหาชนมาพากันสวดวิญญาณ อยู่ที่ตรงนั่นว่า ขอเนื้อและน้ำมัน จงลงเหมือนก้อนหินเกิด ท่านเห็นว่า เนื้อและน้ำมันจะพึงจมลง เพราะเหตุแห่งการสวดวิญญาณ ของหมู่มหาชนกันหรือไม่? ผู้ใหญ่บ้านตอบว่า "หามได้พระเจ้า" เมื่อพระพุทธองค์เห็นว่า ผู้ใหญ่บ้านตอบยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น จึงมุทธดำรัสต่อไปว่า "ดูก่อนคามณี ย่อมเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน บุคคลใดประพฤติฤทธิ์อรณ์ ๑๐ ประการ คือ งดเว้นจากปาณาติบาต อกิณฺฑายา กมุสจาลจา จามุทจา ปิยฉนฺทวา ปรสุทฺธา สมัปปิเปลญา ไม่เป็นผู้มากไปด้วยภิษฐา มิตินไม่พยาบาท มีความเห็นชอบ แมมหาชนจะพากันสวดไปเช่า? ขอให้เขาเข้าสู่ยอด วิจิตร์ สัตตวา ทุกฺขา มีใจไม่พยาบาท มุทิมิในใจให้มีเมตตาอารีเป็นต้น
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงอย่างม่านแจ้งอย่างนี้แล้ว ผู้ใหญ่บ้านได้ครอบบงบังคมดูด้วยความเลื่อมใสในใจว่า "ชาแก่พระองค์เจ้า พระธรรมเทศนาของพระองค์แม่แจ้งกัน เมื่อซึ้งชมนพระบรมศาสดาดังกล่าวแล้ว ก็มีใจผ่องแผ่ว ได้ปฏิญาณเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นนิจ"