ข้อความต้นฉบับในหน้า
สามารถบรวบรวมเป็นพระภิกษุได้ คือพระภิกษุเพียงรูปเดียวก็สามารถอนุญาตให้ลูกบุญที่มีความศรัทธาบวชได้ นี้คือการบวชในยุคที่ 2
ต่อมาคณะสงฆ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกพระองค์ จึงอวยพรให้มีการบวชแบบถูกต้องถุกกฎมมุ จะเป็นอย่างไรเพื่อให้ถูกต้องอย่างไรจึงจะบรรลุผลงาม และใช่มา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน คือใครต้องการบวชก็ต้องขออนุญาตจากคณะสงฆ์ ในยุคแรกๆ ถ้าไปขออนุญาต จากพระภิกษุที่เป็นพระอรหันต์ท่านก็สามารถตัดสินได้ว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะที่จะบวช แต่ยุคต่อมามีพระภิกษุที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์มา ขึ้น ถ้าท่านอนุญาตเพียงคนเดียวก็จะเกิดความเสี่ยง ซึ่งฉะนั้นถูกต้องหรือเปล่า พระองค์จึงทรงมอบ ความเป็นใหญ่ให้มุ่งส่ง ถ้าผู้จะบวชต้องไปบวช กับพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระที่บวชมาแล้วอย่างน้อย 10 พรรษา และต้องบวชในท่ามกลางสงฆ์อย่างน้อย 10 รูปขึ้นไป แล้ว
ก็ไม่สามารถเป็นพระภิกษุได้หากไม่มีความศรัทธา และจะต้องเป็นเอกฉันท์ว่าควรให้บุคคลนี้บวชโดยมีพระคู่สงฆ์เสนอฎอกจากหลางสงฆ์ว่าควรสนใจในท่ามกลางสงฆ์ว่ามีความศรัทธาไหม ศรัทธาเห็นชอบไหม ตั้งฐิติขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อน หลังจากนั้นสอบถามความเห็นอีก 3 รอบ รวมแล้วเป็น 4 ครั้งก็แสดงอัญุตติก 1 ครั้ง แล้วก็พิจารณาอีก 3 วาระ ถ้ากัง 3 วาระผ่านเป็นเอนอกันที บุคคลนั้นจะได้เป็นพระภิกษุ ถ้าระหว่างกบวชมีพระองค์ปิดดูหน่วยอย่ากว่าไม่เหมาะ การบวชก็ไม่สำเร็จ ปัจจุบันก็หวดเสียงในสา 3 วาระ ยังกำลังจริงๆ แล้ว ในพระพุทธศาสนามีระบบเกิดขึ้นก่อน นำอัครครย์
ต่อมาทันในบางท้องที่พระมาประชุมกันที่เดียว 10 รูป ได้ยาก พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติว่าในประเทศที่พระพุทธศาสนาปกครองมันคงแล้วต้อง มีพระ 10 รูปขึ้นไป ซึ่งในปัจจุบันเราก็จะใช้ 20 รูป เมื่อเหลือเพื่อขาด แต่ถ้าเป็นพระน้อย เช่น ต่างประเทศอย่างน้อยต้องมีพระ 5 รูปขึ้นไปนี้