ข้อความต้นฉบับในหน้า
เทศสนาที่บำเพ็ญภาวนามามาก จะสามารถจะละลิขิต
ชาติได้ ๙๐ กับ พระอดิสลามสามารถจะลิขิตชาติได้
แสนกับ พระอัครสาวกสามารถจะลิขิตชาติได้ ๑
ลงใจแสนกับ พระปัจเจกพุทธเจ้าสามารถจะลิขิต
ทรงจะลิขิตชาติได้ไม่มีพากพร คือ สามารถจะลิขิตชาติ
ได้ตามใจปรารถนา
ในวังสักฤดูศุตตสน์ ว่าด้วยเรื่องชาตด
พระบรมศาสตรนำนเรื่องในดีดี อันเป็น
ประวัติศาสตร์ของการสร้างบารมีมาเล่าให้ฟัง ท่าน
ผู้รวบรวมเอาไว้ได้ ถึง ๕๐๐ กว่าเรื่อง ไม่ว่าจะ
เลยพระชาติตเป็นภูษีบ้าง เป็นพระราชา พระเจ้า
จักรพรรดิ บางพวกชาติพระองค์ก็พลัดหลงไป
เกิดเป็นสัตว์วิเศษจนฝั่ง มิแต่มีหลายชาติที่ได้ไป
เลยสุขเป็นจอมเทพบนสวรรค์ ที่พวกเราเคยได้ยิน
มาหมดนี้ที่พระองค์ให้บังเอิญได้ยิน ก็เพราะบรรลุ
บุพเพนิวาสานุสติญาณเอง
วิชาชาติ ๒ คือ จตุปปญญา ฆาราวุฒิและ
อุปัตถสมภพทั้งหลาย เมื่อใจหยุดนิ่งเป็น
สมาธิ จิตจะน้อมไปเพื่อญาณเครื่องจักรฤา ฤกษ์
อุปปัตถสมภพทั้งหลาย สามารถเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้
กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีมือ
พรรณะรามได้หมด ซึ่งเป็นการเห็นที่ส่งจักษุของ
มนุษย์
วิชชาที่ ๓ คือ อาสาวิญญาณ เป็นญาณ
เครื่องหยุดพันจากเกลียดสงสาร เจ็ดด้วยครชตมวร พอหมดเกล้าสิ้นเป็นถึงราชันย์ ไม่ต้องกลับมา
เวียนว่ายตายเกิดต่อไปแล้ว เมื่อกายหยาบชร่ง อยู่ไม่ได้ ก็อาดยอมอร่อยดกคุณบดีไปสู่
อายุนิพพาน เลยเอากันบรมสุขอย่างเดียว
นอกจากนี้ยัง อภิญญา ๔ คือ วิปสนาญาณ เป็นความรู้แจ้ง วิชา เหนือ
สามารถชนธรรมดา พระบรมศาสดานอกจากจะ
บรรลุวิชชาดังๆ เหล่านี้แล้ว ยังทรงสมบูรณ์ด้วย
จรณะ ๑๕ ซึ่งเป็นความประพฤติที่งาม ไม่มี
ใครสามารถตำหนิการกระทำของพระพุทธองค์
ได้ เพราะท่านแม้บรรลุธรรมแล้ว ก็ยังมีข้อผิด
พลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่พระพุทธองค์เป็นผู้มีความ
สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง
นอกจากนี่ยัง อภิญญา ๔ คือ ความรู้ยิ่ง เป็น
ผลที่ได้จากการบำเพ็ญจิต ได้บรรลุปาน
และอุปมานสมบัติราคา จนได้บรรทุกาย
ธรรมอรหัต สภาวิจจะบริสุทธิ์ที่สุดจนตรัสรู้ได้
เกิดเป็นความรู้ระดับอัญญูนิยม จะต้องเป็นจิต
ละเอียดมากๆ มีความตั้งมั่นไม่หวั่นไหว สงบจาก
กิเลสและนิวรณ์ต่างๆ พร้อมที่จะนำไปเพื่อให้เกิด
อภิญญา ผลที่ได้ก็เหมือนกับวิชชา ๗ นั่นแหละ ไม่