ข้อความต้นฉบับในหน้า
ที่สำคัญวัดพระธรรมกายไม่มีเคยบังคับใครให้ทำบุญ เพราะการทำบุญเป็นเรื่องของความสมัครใจ หากเจ้าของเงินไม่เต็มใจด้วยตนเอง วัดจะไปบังคับได้อย่างไร
การทำบุญจุลหมดตัวในสมุทธกามีหรือไม่ ถืเป็นสิ่งผิดไหม ?
จากหลักฐานในพระไตรปิฎกและอรวัฒถา เราค้นเจอผู้ทำบุญจุลหมดตัวหลายคน แต่ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับทรงชอบยกให้เป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งดูดนี่ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจกว่า
คนแรกเลยที่หลายคนรู้จักกันดี คือ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีที่รวยมากในสมัยพุทธกาล ผู้มีความศรัทธาอยากสร้างวัดอย่างแรงกล้า ถึงขั้นขนเงินมาปลูกจนเต็มพื้นที่ ที่ต้องการจะซื้อจากเจ้าชายเศรษฐบุตร เพื่อเอามาสร้างวัดเขตวัดนาถลาวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีหมดเงินซื้อที่ดินไป ๑๘ โกฏิ สร้างวัดอีก ๑๘ โกฏิแล้ว ก็ใช้งินอีกจำนวนมหาศาลทุ่มทำบุญโดยการถวายทานเฉลิมฉลองวัดตัวนานถึง ๙ เดือน หมดเงินไปมากถึง ๑๘ โกฏิ รวมแล้วมากถึง ๕๔ โกฏิ
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อฉลองวัดเสร็จ ก็มีโปรเจกต์บูฑุใหม่ต่ออีก โดยการไปบารอารณา พระภิษุงค์ ๒๐ รูป ให้เป็นอัตตาต่างหาที่บ้านของตนทุกวันไม่ขาด เรียกได้ว่า ท่านบำแบบจัดหนักงบกระทั้งทรัพย์สินเงินทองเริ่มหมด ประกอบกับกรรมเก่าา่ส่งในช่วงนั้นพอดี เลยทำให้สมบัตของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีฝังไว้กลั้
แต่เห็นท่านจะเปลี่ยนโหมดเข้าสู่ภาวะหมดตัวถึงขั้นต้องเอาข้าวปลายเกรียนกับน้ำผัดงดงามถวายพระแล้ว ก็ยังไม่อยอหยุดทำบุญ
พอผู้เ Mexค้นข้อมูลมาถึงตรงนี้ ก็พบกว่่า ถ้าหากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมาเกิด สมัยนี้ แล้วบัวพระธรรมกาย คงโดนคำเปรียบ โดนพาดหัวในโลกโซเชียลเสร็จรับั่นภายในชั่วข้ามคืนแน่! ๙
ขณะทีหลายคนกำลังสังสัยค่าเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำบุญจุลหมดตัวของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับไม่ทรงห้ามเลยแม้แต่น้อย แถมยังอนุโมทนา และให้กำลังใจท่านอีก โดยตรัสว่า “คุณดี..ท่านอย่าคิดว่า ‘เราถวายทานเศร้าหมอง’ ด้วย