ข้อความต้นฉบับในหน้า
เราไปเปรียบกับพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ก็เหมือนน้ำ
เมล็ดพันธุ์ผักกาดไปเทียบกับเขาพระสุเมรที่สูง
๖๘๐,๐๐๐ โยชน์ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ที่สุดในโลก เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย
เรานมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
พระองค์นั้น”
ลูกศิษย์ของดาบสก็ถามอีกว่า “พระสัมมา
สัมพุทธเจ้า มีศีลมีวัตรเป็นอย่างไร ควรแก่การ
สักการบูชาอย่างไร” ดาบสจึงกล่าวสรรเสริญพุทธคุณ
ว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้เลิศในโลก
ทรงสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๓๒ ประการ พร้อมด้วย
อนุพยัญชนะ ๘๐ ครบถ้วนบริบูรณ์ เวลาเสด็จดำเนิน
ไปก็ไม่มีพระอาการรีบร้อน ทรงก้าวพระบาทเบื้อง
ขวาก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่หวาดกลัว
ต่อสิ่งใด ๆ เปรียบเสมือนพญาราชสีห์เป็นใหญ่ในสัตว์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จอุบัติขึ้น ก็ทรงยังโลกนี้ให้
สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ให้สรรพสัตว์ผู้มีบุญ
ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดทั่วทั้งไตรภพ พระองค์
เป็นผู้ประเสริฐสุด ไม่มีใครเสมอเหมือน มีพระคุณ
หาประมาณมิได้” บรรดาลูกศิษย์ได้ฟังแล้วก็บังเกิด
ความเลื่อมใสในพระคุณของพระพุทธเจ้า พากัน
ทำสักการบูชาพระเจดีย์ทรายทั้งเช้าและเย็น
ในเวลานั้น พระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นเทพบุตรผู้มี
อานุภาพ ได้จุติจากชั้นดุสิต มาบังเกิดในครรภ์
ของพระมารดา หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวสะเทือน
เลื่อนลั่นไปหมด ดาบสทั้งหลายจึงซักถามอาจารย์
ถึงสาเหตุของแผ่นดินไหว ดาบสอาจารย์ผู้มีฌาน
สมาบัติ ก็ตอบว่า “พระโพธิสัตว์ผู้จะมาตรัสรู้เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัดนี้ได้เสด็จลงสู่ครรภ์
ของพระมารดาแล้ว เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์
ทั้งหลาย เมื่อลงสู่พระครรภ์ย่อมบังเกิดแผ่นดินไหว”
ดาบสอาจารย์รู้ว่าตัวเองใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว
ก็ได้นั่งสมาธิยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ท่าน
หมดอายุขัยในท่านั่ง ได้ไปบังเกิดในเทวโลก
ป. 6