ข้อความต้นฉบับในหน้า
ถึงพร้อมด้วยคุณลักษณะที่ดี และจะต้องปราศจาก
ลักษณะอันเป็นโทษ ๑๐ ประการคือ ไม่สูง ไม่ต่ำ
ไม่ดำ ไม่ขาว ไม่อ้วน ไม่ผอมจนเกินไป มันไม่แบน
ไม่หย่อนยาน ไม่เป็นโรคหอบหืด และไม่เป็นโรคไอ
เมื่อพระราชกุมารมีพระชนมายุได้ ๑ เดือน
พี่เลี้ยงนางนมได้ประดับพระกายแล้วอัญเชิญขึ้น
เฝ้าพระราชบิดา ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จออก
ว่าราชการอยู่ภายในท้องพระโรงมหาวินิจฉัย ก็
ทรงรับเอาพระราชกุมารมาจากมือของพี่เลี้ยงนางนม
๑ ๑
ทรงอุ้มพระราชกุมารให้ประทับนั่งบนตัก แล้วก็
ทรงวินิจฉัยคดีความต่อไป โดยตรัสสั่งให้ลงพระ
อาญาแก่มหาโจร ๔ คน ให้โบยโจรคนหนึ่งด้วย
หวายหนามแช่น้ำเกลือจนตาย โจรอีกคนหนึ่งให้
จองจำไว้กับขื่อคา โจรอีกคนหนึ่งก็ให้นำไป
ประหารด้วยคมหอก โจรคนสุดท้ายให้เสียบด้วย
หลาวทั้งเป็น
ความคิดอันยิ่งใหญ่ของพระบรมโพธิสัตว์
พระเตมิยราชกุมาร เมื่อได้สดับคำตัดสิน
ลงอาญาของพระราชบิดา ก็ทรงหวาดสะดุ้ง เกิด
ความสลดหดหู่ ดำริว่า พระราชบิดาของเรา
ทำบาปกรรมใหญ่หลวงนัก คงไม่พ้นจากการเสวย
ทุกข์ในนรกเป็นแน่ หากปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้
ต่อไปในภายหน้า แม้เราเองก็จะต้องตัดสินคดี
ความดุจเดียวกับพระราชบิดา ดำรฉะนี้แล้วก็ยิ่ง
สลดพระทัยเพิ่มขึ้น
ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่พระราชกุมารบรรทมอยู่
ภายใต้เศวตฉัตรนั้น ลืมพระเนตรขึ้นแลดู ณ เบื้องบน
เห็นพระเศวตฉัตรและสิริราชสมบัติอันโอฬารเช่นนั้น
ก็ทรงดำริขึ้นว่า ก่อนที่จะมาเกิดในพระราชมณเฑียร
ภายใต้พระเศวตฉัตรนี้ เรามาจากไหนหนอ
ด้วยอำนาจบุญเก่าที่สั่งสมมา และด้วยเหตุ
ที่ทรงเกิดในที่เดิมซึ่งทรงคุ้นเคยมาก่อน เมื่อทรง
นึกทบทวนดู จึงทำให้พระเตมิยกุมารระลึกชาติ
หนหลังได้ว่า “เราเคยเป็นกษัตริย์เสวยราชสมบัติ
อยู่ในพระนครนี้ถึง ๒๐ ปี เพราะอกุศลกรรมที่เคย
ตัดสินประหารชีวิตผู้คนมาไม่น้อย ครั้นตายแล้ว
บาปกรรมเมื่อครั้งเป็นกษัตริย์ในชาตินั้น ก็บันดาล
ให้ไปบังเกิดในอุสสทนรกเป็นเวลายาวนานถึง
แปดหมื่นปี พอพ้นจากนรก บุญได้โอกาสจึงส่งผล
ให้ไปเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ จากนั้นจึงได้กลับ
มาเกิดในทีนีอีก”
เมื่อทรงนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเคย
เสวยในนรก ก็ทรงสะดุ้งกลัว หวาดเสียวพระทัยยิ่งนัก
๒๒