ข้อความต้นฉบับในหน้า
๖ ปีกับการพิสูจน์ความจริง
คุณนวลศรี อ่วมพินิจ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ดร.จำลักษณ์ ศรีนาคเรือง (ลูกสาว)
ปริญญาเอกทางด้านวิศวเคมี
ไปวัดนี้แล้วรวย.. ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แถมพระที่นี่มีแต่พวกมีการศึกษา
แต่บวชแล้วไม่ยอมสึก ไม่รู้จักเลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ยอมเอาความรู้
ไปพัฒนาบ้านเมือง...ใครมาวัดนี้ก็ต้องทำบุญจนหมดตัว!!!
ตัวเอง...เคยเป็นนักศึกษาในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา เลยทำให้ฝังใจกลัวต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นมากๆ
พอมารู้ว่าวัดพระธรรมกาย มีนิสิตนักศึกษามากันมากขนาดนี้ เลยทำให้ปักใจเชื่อว่า
วัดพระธรรมกายต้องเป็นคอมมิวนิสต์แน่ๆ คิดว่าวัดซ่องสุมนักศึกษาล้างสมองเพื่อ
ทำอะไรกันสักอย่าง ส่วนเพื่อนที่ชอบมาชวนเราให้ไปวัดนี้ ก็พูดแต่ว่า ไปวัดนี้แล้ว
รวย...ไปแล้วรวย ยิ่งฟังก็ยิ่งแอนตี้วัด เพราะดูไม่มีเหตุผลที่จะเป็นไปได้ หนำซ้ำมีแต่
คนพูดว่า ใครมาวัดนี้ ก็ต้องทำบุญจนหมดตัว.....
ด้วยความที่แอนตี้วัดมากๆ ทำให้ไม่เคยคิดจะมาวัดนี้เลย แม้ใครจะชวนขนาดไหนก็ไม่ไป
เด็ดขาด คิดอย่างนี้จนกระทั่งถึงช่วงที่เพื่อนของลูกสาวที่ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท
ร่วมกัน ได้ไปบวชธรรมทายาทช่วง Summer ที่วัดนี้ พอบวชแล้วก็ไม่ยอมสึก บอก
ว่าจะบวชตลอดชีวิต ลูกสาวจึงมาวัด เพื่อมาตามให้เพื่อนสึกออกไปเรียนปริญญาโท
ให้จบ พอมาตามหลายครั้ง พระเพื่อนรูปนี้ ก็ใช้เหตุผลต่างๆ นานา ชวนจนลูกสาว
เราเข้าคอร์สมานั่งสมาธิที่วัดนี้ ด้วยความเป็นแม่ ทำให้เราเป็นห่วงลูกมาก...กลัวจะ
ถูกหลอกไปล้างสมอง และที่น่ากลัวมากไปกว่านั้นคือ...ช่วงนั้นวัดโดนโจมตีอย่าง
หนักจากสื่อทุกชนิด แล้วเราก็เชื่อตามข่าวด้วย ด้วยเหตุนี้จึงวิ่งรถเข้าวัดมาตามลูก
และก็มาหาพระเพื่อนของลูก เพื่อไปบอกให้ท่านสึกออกมา โดยคิดว่าท่านคงโดนวัด
ล้างสมองไปแล้ว เมื่อเจอท่านก็ถามท่านว่า ตัดสินใจแบบนี้ ไม่ห่วงพ่อแม่ที่บ้าน
หรือ? ใครจะดูแลพ่อแม่? ท่านก็ตอบกลับว่า...
“ก็เพราะเป็นห่วงพ่อแม่ ทำให้ต้องตัดสินใจแบบนี้ เพราะหากสึกออกไปดำเนินชีวิตแบบ
ชาวโลก ก็ต้องไปทำงาน แต่งงาน เลี้ยงลูก จนไม่มีเวลามาดูแลพ่อแม่อยู่ดี สู้อยู่อย่างนี้
บวชเอาบุญให้ท่านมากๆ เป็นลูกที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้ท่านได้จริงๆ สักคน เมื่อ