ข้อความต้นฉบับในหน้า
บวชแล้ว ก็มีโอกาสชวนพ่อแม่มาวัด ให้ท่านมาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
และที่สำคัญการทำอย่างนี้เป็นการช่วยปิดอบายภูมิให้พ่อแม่ ทำให้ท่านไม่ไปนรก
ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้ท่านมีชีวิตในชาติหน้า
ที่ดีขึ้นกว่านี้” พอเราฟังท่านตอบแบบนี้ ก็ได้แต่เงียบ เพราะรู้สึกว่าถูกของท่าน
แต่ก็ไม่ละความพยายาม คือมาหาท่านที่วัดถี่มาก เพื่อมาชวนให้ท่านสึกอีก โดยมี
- มาถามท่านได้ทุกครั้ง เช่นว่า ไม่เสียดายหรือที่เรียนมาสูงๆ เก่งก็เก่ง
...ฉลาดก็ฉลาด แทนที่จะเอาความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศชาติ กลับมา
บวชแบบนี้? ท่านก็ตอบเราว่า
คําถาม ๑๐๘
“ผู้ที่มาบวชเป็นพระ ไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีทางไป ไม่มีอาชีพหรือมีปัญหาแล้วมาบวช ผู้ที่มาบวช
ควรจะมีความรู้ความสามารถ และเอาความรู้ความสามารถมาพัฒนาให้ศาสนาเจริญ
มาเป็นครูสอนศีลธรรม ชี้นำหนทางพ้นทุกข์ให้กับชาวโลก โดยนำความรู้ในทางธรรม
มาสอนมนุษย์ เพื่อพัฒนาไม่ให้สภาพจิตใจมนุษย์ตกต่ำ และก่อปัญหาสังคมตาม
มาอีกมากมาย...” พอเราฟังท่านก็รู้สึกจริงของท่านอีก แต่ยังไงก็ยังยืนกรานที่จะ
แอนตี้วัดนี้อยู่ดี แม้เรามาวัดบ่อย ๆ จนเห็นและประจักษ์ด้วยตัวเองว่า ที่เขาลงข่าว
ด่าวัดกันโครมๆ ไม่เห็นจริงสักเรื่อง แต่ยังไงโดยส่วนตัวก็ยังไม่ศรัทธาหลวงพ่อ
ยังไม่ศรัทธาวัดอยู่ดี ทั้งๆ ที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่า พระที่นี่ งามสง่า สงบ สำรวม
เรียบร้อย เคร่งครัดในธรรมะปฏิบัติ มีความรู้มีการศึกษากันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น
พระบางรูปจบดอกเตอร์ก็มาบวชอุทิศชีวิตกัน หรือแม้แต่เด็กวัยรุ่นที่อาสาสมัครมา
ช่วยงานต่างๆ ของวัด ทำให้เราแปลกใจ ตั้งคำถามในใจขึ้นว่า ที่นี่สอนเด็กวัยนี้กัน
ยังไง ทำไมพวกเขาไม่ไปเที่ยวดิสโก้เทค ไม่ไปเที่ยวห้าง ไม่ไปมีแฟน แต่กลับมี
จิตใจสูงส่ง เสียสละตัวเอง มาช่วยงานพระพุทธศาสนากันได้ขนาดนี้...
แม้ความแอนตี้วัดยังมีในใจมากอยู่ก็จริง แต่ก็ยอมมาวัดนี้ไม่ขาดเลยหลายปีติดต่อกัน เพราะ
ในช่วงนั้นเราได้เจอวิกฤติหนักในชีวิต เมื่อได้มาคุยกับพระเพื่อนของลูกรูปนี้ทีไร
ก็รู้สึกสบายใจ ได้แนวทางในการจัดการกับปัญหากลับไปทุกที และที่สำคัญเรา
สัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของท่านมากๆ
ยอมรับว่าช่วงนั้นทุกข์มาก เพราะเราตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย มีหนี้สินท่วมตัวหลายสิบ
ล้าน มีคนมาตามทวงหนี้ไม่เว้นวรรคเลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ลูกๆ ที่น่าจะเป็นที่พึ่ง
สุดท้ายให้เราได้ กลับเอาแต่ทะเลาะกัน ตีกัน จนบ้านร้อนเป็นไฟ และเอาแต่ใช้
ของฟุ่มเฟือยราคาแพง หนีเที่ยว ไม่เรียน ทั้งๆ ที่แม่ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้
ช่วงนั้นเราได้แต่ร้องไห้น้ำตาตก เครียด ดื่มเหล้าหนักเกือบทุกวัน เพื่อให้ลืมทุกข์
พระเพื่อนของลูกได้แนะนำ ชวนเราไปนั่งสมาธิ แล้วให้พาลูกๆ มาบวชอบรม
ธรรมทายาทให้หมดทุกคน ซึ่งลูกๆ ก็ไม่เต็มใจ จนต้องใช้วิธีบังคับ โดยยื่นคำขาด
ว่าให้บวชให้แม่ ถ้าไม่บวช แม่จะไม่กลับมาบ้านอีกเลย ผลสุดท้ายก็ยอมมาอบรม
ที่วัดกันหมด อบรมเป็นเดือนๆ หลังจากอบรมเสร็จ ลูกๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน