ข้อความต้นฉบับในหน้า
เรื่องราวทำนองนี้มีมาทุกสมัยคู่โลก เพราะ
ไม่ว่ายุคใดสมัยใดก็ตาม กิเลสของมนุษย์เราก็มีอยู่
สามตระกูล เหมือนกัน คือ โลภะ โทสะ โมหะ
ดังนั้น ในพระไตรปิฎกก็มีเรื่องราวของการใช้ศิลปะ
ปรากฏอยู่เช่นกัน ดังเรื่องสัฏฐิกูฏเปรต ใน อรรถกถา
ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
ความว่า..... ชายง่อยเปลี้ยคนหนึ่งมีศิลปะใน
การดีดก้อนกรวด เขาเลี้ยงชีพอยู่ได้ด้วยการดีด
ก้อนกรวดให้คนชมเพื่อแลกกับอาหาร เขาสามารถ
มนุษย์เราทุกคนต่างก็มีศิลปะด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าใครจะโดดเด่นในทางใด แต่การที่เรา
จะเลือกใช้ศิลปะของเราไปในทางที่ถูกต้อง หรือ
ชีวิตหรือเปล่า ถ้าเราเชื่อกฎแห่งกรรม มีธรรมะ
ดีดก้อนกรวดฉลุใบไม้บนต้นให้เป็นลวดลายต่างๆ ในทางที่ผิดนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เรามีศิลปะในการดำเนิน
นานา สวยงามราวกับนำใบไม้มาแกะสลัก ต่อมา
พระราชามาพบเข้าจึงรับเข้าวัง เพื่อให้เขาไปดีดมูล ประจำใจ ประพฤติตามคำสอนของพระสัมมา
แพะใส่ปากปุโรหิตที่ปรึกษาของพระองค์ที่พูดมาก สัมพุทธเจ้าที่ให้ทำความดี ละชั่ว ทำใจให้ผ่องใส
และชอบโต้เถียงอยู่เป็นนิจ เขาแอบอยู่หลังม่าน
ดีดมูลแพะใส่ปากปุโรหิตไป ๑ ทะนาน จนทำให้
ปุโรหิตเลิกนิสัยช่างพูดได้ ชายคนนี้ได้รับรางวัล
อย่างงามจากพระราชาและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่
สะดวกสบายสืบไป
แต่ลูกศิษย์ของชายง่อยเปลี้ยคนนี้กลับนำ
ศิลปะที่ตนเองมีอยู่ไปทดลองดีดก้อนกรวดใส่หู
พระปัจเจกพุทธเจ้า ก้อนกรวดทะลุหูขวาออกหูซ้าย
ทำให้พระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพาน ในที่สุด เมื่อ
มหาชนทราบข่าวว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพาน
แล้ว ก็เศร้าสลดเสียใจมาก พากันรุมประชาทัณฑ์
เด็กหนุ่มจนสิ้นชีวิต บาปกรรมนำเขาไปเกิดใน
อเวจีมหานรก เมื่อพ้นกรรมจากอเวจีก็มาบังเกิดเป็น
สัฏฐิกูฏเปรต อาศัยอยู่บริเวณยอดเขาคิชฌกูฏ
เราก็ย่อมนำศิลปะในวิชาชีพที่มีอยู่ไปสร้างความ
สุขความสำเร็จให้กับชีวิตได้ แต่ถ้าเราขาดศิลปะ
ในการดำรงชีวิต ขาดหลักธรรมประจำใจ ไม่รู้ว่า
อะไรดี-ไม่ดี อะไรควร-ไม่ควร นำความรู้ความ
สามารถที่มีไปใช้ในทางที่ผิด ย่อมทำให้เกิดความ
ยนะทั้งกับตนเองและผู้อื่น
หายนะ
ดังนั้นเมื่อเราได้ศึกษาศิลปะใดๆ ก็ตาม
ขอให้คิดในเชิงสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์
เกิดบุญกุศล นำศิลปะนั้นมาสร้างประโยชน์กับ
ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ แล้วสิ่งดีๆ ก็
จะย้อนกลับมาสู่ตัวเราเอง
ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า....มนุษย์เราในโลกนี้
ยืนจับมือกันอยู่เป็นวงกลม สิ่งใดก็ตามที่เราส่ง
ออกไป สิ่งนั้นก็จะวนกลับมาหาตัวเราในที่สุด 2