ข้อความต้นฉบับในหน้า
๕๑
ครอบครัวเราพ้นจากสภาพบ้านแตก
ลูกทะเลาะกัน มากลายเป็นครอบครัว
ที่เอื้ออาทรต่อกันด้วยความรัก
คือดีขึ้นอย่างแตกต่าง ไม่ทะเลาะกัน ไม่ตีกัน เข้าใจ ให้อภัย มีน้ำใจต่อกันขึ้นมา.....
แม้ตอนนั้นสภาพครอบครัวเริ่มดีขึ้นจากการมาวัดแล้ว แต่สภาพการเงินก็ยังมีปัญหาอยู่ แต่
เราก็ได้ปวารณาตัวทำบุญใหญ่ที่สุดในชีวิตครั้งแรกคือ ๑ ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้
ว่าจะไปเอาเงินมาจากทางไหน แต่อยู่ๆ ก็มีเหตุอัศจรรย์ มีคนทยอยเอาค่าเช่า
ค่าโน่น ค่านี้ มาให้เป็นจำนวนมากจนสามารถทำบุญได้ถึง ๑ ล้านบาทจริงๆ
จากการตัดสินใจทำบุญในครั้งนั้นเอง สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตครอบครัวกลับ
พลิกฟื้นขึ้นหมดเลย คือความเชื่อมั่นในชีวิตได้กลับคืนมา เห็นช่องทางในการทำมา
หากิน ยอมลงทุนทำธุรกิจอีก จนประสบความสำเร็จมีเงินใช้หนี้ และมีเงินทำบุญ
เพิ่มขึ้นอีกทับทวี จากจุดเปลี่ยนชีวิตตรงนี้เอง ทำให้มานึกย้อนถึงคำพูดที่เพื่อนเคย
พูดชวนให้เราเข้าวัดนี้ ด้วยคำพูดที่ว่า “ไปวัดนี้แล้วรวย” เลยทำให้รู้สึกว่า เขาพูด
ถูกจริงๆ เพราะฉะนั้นคำว่าทำบุญจนหมดตัว ไม่จริงเลย เพราะเราเริ่มจากการ
ติดลบสุด ๆ และเมื่อยิ่งทำบุญ กลับยิ่งมีทรัพย์ ยิ่งมีทางมาแห่งเงินทองจนเหลือเชื่อ
เหมือนสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านโปรดมหาทุคตะคนกินเดนให้ทำบุญ
ผลสุดท้ายทำให้มหาทุคตะรวยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมาอย่างอัศจรรย์...
เราเข้ามาพิสูจน์วัดนี้นานถึง 5 ปี กว่าจะยอมเข้าใจวัด ซึ่งทุกวันนี้รวมเวลาเข้าวัดนานเป็น
๑๐ ปีแล้ว ทำให้รู้สึกเสียดายเวลาที่สูญเสียไปกับการแอนตี้วัดที่นานขนาดนั้น....
สุดท้ายนี้สิ่งที่อยากจะพูดที่สุด ก็คือ ครอบครัวเราทุกคนต้องกราบขอบพระคุณพระเดช
พระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์ของวัดนี้เป็นอย่างสูง ที่ทำให้ครอบครัวเราพ้นจาก
สภาพบ้านแตก ลูกทะเลาะกัน ตีกันมากลายเป็นครอบครัวที่หันหน้ากลับมาเข้าใจกัน
เอื้ออาทรต่อกันด้วยความรัก และเปลี่ยนเราจากคนล้มละลายหนี้ท่วมตัว กลาย
เป็นคนมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแตกต่าง อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนเรา
จากคนที่ดื่มเหล้าเมาเพื่อดับทุกข์ มาเลิกเหล้าและพบความสุขที่แท้จริงด้วยตัวเอง
และที่สำคัญ วัดนี้ได้เปลี่ยนจากน้ำตาแห่งความทุกข์ระทมของเรา ให้กลายเป็น
น้ำตาแห่งความปีติผาสุก...
ในเมื่อชีวิตเราเปลี่ยนแปลงถึงขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่จะทำให้เราไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ในเมื่อวัดนี้ดีจริงๆ เราจึงขอเชิญคุณมาพิสูจน์......