ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความขาด ความเกิน มักเดินเคียงคู่ไปกับเราเสมอ บางคน
หน้าตาดีแต่ไม่ฉลาด บางคนฉลาดแต่ไส้แห้ง บางคนแข็งแรงแต่สายตาสั้น
เป็นเรื่องยาก หากจะให้ทุกอย่างในชีวิตดูสมดุลกันไปหมด
ใครบางคนอาจตั้งคำถามว่า ส่วนที่เกินออกมาจะเหลาอย่างไรให้พอดี
และส่วนประกอบที่ขาดหายจะหาจากที่ใดมาเติมให้เต็ม
และคำถามเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นกับ คุณแบรนดา กอนซาเลซ คุณแม่วัย
m
ปี ชาวเปอร์โตริโก เธอเป็นแม่ของลูก
๒ คน คือ ด.ช.แบรนดอน กอนซาเลซ
อายุ ๑๐ ขวบ และ ด.ญ.เซเลนา กอนซาเลซ อายุ
๗ ขวบ ลูกทั้ง ๒ คือ หัวใจอันเป็นที่รักยิ่งของเธอ
แต่ทั้งสองคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกันมาก คือ
ลูกสาวหัวไว แต่ลูกชายหัวช้า
ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก หัวไว ฉลาดทุกอย่าง
พูดจาฉะฉาน และกำลังโลดแล่นอยู่บนถนนสาย
ชีวิตอย่างเริงร่า ท่ามกลางเสียงปรบมือก้องด้วย
ความชื่นชมในความสามารถพิเศษหลายๆ ด้าน
ทั้งด้านการแสดง การร้องเพลง หรือการเต้นรำ แต่
ลูกชายคนโต ดวงใจอีกดวงของเธอ กลับเป็นคนพูดช้า ความเจริญทางสมองช้า
แม้แต่ทางกายภาพก็ไม่ปกตินัก เพราะเท้าแป เวลาเดินจะเจ็บกล้ามเนื้อที่เท้า
เป็นที่ล้อเลียนของเพื่อนๆ เสมอ ชีวิตของเขาดูเงียบเหงาราวกับมีปมด้อยในชีวิต
และแน่นอนความต่างอย่างสุดขั้วของลูกทั้งสอง กำลังก่อตัวเป็นความทุกข์และ
ความเครียดในสมองของผู้เป็นแม่ ความรักอาจมอบให้ลูกในสัดส่วนที่เท่ากันได้
แต่ความสมดุลทางจิตใจของเขาและเธอต่างหากเล่า จักเอามาจากที่ไหนมาเติม
เต็ม เธอได้แบกเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ นี้ไว้ในใจตลอดเวลา
“การที่ลูกทั้งสองมีพัฒนาการที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่ฉันกังวลใจและคิดเสมอว่า
จะทำอย่างไรจึงจะให้ชีวิตของพวกเขาดำเนินไปสู่จุดสมดุล หรือใกล้เคียงกันได้
จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คุณอัญชลี นาธานสัน คุณแม่ของ อิลาน-จาร์ชัวร์
ได้ชวนฉันและลูกๆ ไปที่บ้านและแนะนำถึงการนั่งสมาธิ ซึ่งฉันก็สนใจทันที
เพราะเล็งเห็นประโยชน์จากการผ่อนคลาย