การนั่งสมาธิและความสุขภายใน วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มีนาคม พ.ศ.2550 หน้า 21
หน้าที่ 21 / 75

สรุปเนื้อหา

ในขณะที่นั่งสมาธิ ผู้เขียนพบกับแสงสว่างภายในที่นำสู่ความสุขและความสงบ ร่วมกับการแบ่งปันประสบการณ์กับชุมชนคนผิวดำและคนผิวขาวในแอฟริกาใต้ โดยเน้นว่าสมาธิเป็นทางเลือกที่สร้างความสงบใจ ช่วยให้จัดการกับปัญหาและสร้างสันติภาพในชีวิต ในท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมที่ทุกข์ทรมานจากปัญหาสังคมและอาชญากรรม การนั่งสมาธิช่วยประคับประคองความหวังและสันติภาพให้เกิดขึ้นในจิตใจทุกคน

หัวข้อประเด็น

- สมาธิและการค้นพบตัวตน
- แสงสว่างภายใน
- ความสุขและกับการนั่งสมาธิ
- การสร้างสันติภาพในสังคม
- ประสบการณ์ของคนผิวดำและผิวขาว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

“ขณะที่ฉันกำลังนั่งสมาธิฉันจะกำหนดใจไปที่ จุดศูนย์กลางกาย ทุกครั้งที่ฉันหลับตาและปล่อยใจ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย จะมีแสงสว่างเกิดขึ้นภายใน เป็น แสงสว่างที่อัศจรรย์ในใจ เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ แสงสว่างนั้นมีลักษณะเหมือนเป็นร่างกาย สว่าง คล้ายแสงจันทร์ ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่เมื่อ เห็นแล้วฉันรู้สึกเป็นอิสระ เหมือนกับความสงบ และความสุขรวมกัน และฉันมีความสุขตลอดเวลา ฉันอยากให้ทุกคนได้นั่งสมาธิโดยเฉพาะชุมชน ชาวผิวดำ เพราะเมื่อฉันเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสมาธิ พวกเขามักคิดถึงเรื่องของศาสนา และจะถามฉัน ทุกทีว่าคุณไปทำอะไร “มันเป็นโบสถ์หรือ” ดิฉันก็ จะตอบว่า “ไม่ใช่โบสถ์ มันเป็นสิ่งที่คุณทำเพื่อช่วย ตัวคุณเอง สิ่งนี้จะกลั่นใจให้ใสสะอาด ช่วยคุณ จัดการกับปัญหาต่างๆ ให้หมดไป เหลือไว้แต่ ความสงบสุขภายในให้คุณแทน นอกจากคนผิวดำที่จะรู้สึกได้ถึงความสุข ความอิสระ อย่างเสมอภาคแล้ว ตัวแทนของชาว ผิวขาวที่ได้มานั่งสมาธิยังค้นพบว่า ความฝันของ ตัวเองในเรื่องของสันติภาพจะเป็นจริงได้อย่างไร คุณเห็น มาสเองเจิล ชาวแอฟริกันผิวขาว อายุ ๖๐ ปี จากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มีอาชีพใน แวดวงสื่อมวลชน เป็นทั้งนักเขียน นักข่าว หรือ นักหนังสือพิมพ์ มานานหลายสิบปี เขาเล่าว่า “เมืองที่ผมอยู่ไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆ ของโลก หลายแห่ง คือยิ่งความเจริญทางวัตถุมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าความเจริญทางจิตใจจะลดน้อยลงมาก เท่านั้น มีปัญหาอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน ผู้คน แข็งกร้าวเข้าใส่กัน มีแต่ความรุนแรงและมุ่งทำร้าย ผมภาวนาให้มีโอกาสได้ทำข่าวดีๆ ในประเทศนี้ สักครั้ง แต่ดูเหมือนว่าทุกข่าวจะเป็นข่าวร้ายไปแล้ว ทั้งสิ้น ยิ่งได้เห็นสภาพความทุกข์ยากด้วยตนเอง ทำให้ผมคิดว่าคนขาวกับคนดำมีความทุกข์ไม่แตก ต่างกัน น่าสงสารมากเหมือนกัน คนหนึ่งมีทุกข์ เพราะถูกจ้องปองร้าย ส่วนอีกคนทุกข์เพราะไฟแค้น สุมอก คอยเผาทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่า เมื่อไรจะสิ้นสุด หากมีโอกาส ผมกับเพื่อนคนขาวมักจะพูด คุยกันเรื่องสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในประเทศ แอฟริกาใต้อยู่เสมอ จนเดี๋ยวนี้ย่างเข้าสู่วัยชรา ใน ปีที่ ๖๐ แล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดสันติภาพ ขึ้นแต่อย่างใด ประชาชนยังคงต้องนอนกอดปืนจน กว่าจะหลับไปอยู่เหมือนเดิม จนเริ่มท้อแท้หมดหวัง และในที่สุดก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้ความคิด ของผมเปลี่ยนไป เมื่อมีโอกาสมาปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ โจฮันเนสเบิร์ก ตามคำชักชวนของคุณรอน เจ้าของ ร้านสปาที่ผมไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้งทันทีที่นั่งสมาธิ ผมปล่อยวางตามที่พระอาจารย์สอนทุกอย่างรอบข้าง เงียบสงัด ผมค่อยๆ เลื่อนใจลงไปที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ผ่านเข้าไปในตัว แล้ววางใจนิ่งไว้ที่จุด ศูนย์กลางกายนั้นอย่างสบายๆ สักพัก ผมก็มอง เห็นแสงสว่างปรากฏขึ้น ผมมองตามแสงเข้าไป มองโดยการวางใจอย่างเบาที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ แสงนั้นก็รวมเป็นดวงกลมๆ และค่อยๆ ขยายกว้าง ออกไป ความรู้สึกจดจ่อและผ่อนคลายจะเกิดขึ้น พร้อมๆ กัน แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองเบาๆ ลอยๆ ร่างของผมถูกอาบด้วยแสงทรงกลมนั้น และร่างกาย ที่เป็นเนื้อหนังของผมก็โปร่งเบาหลอมรวมไปกับ มวลแสงนั้น และในขณะนั้น ความสุข ความสงบ คุณเห็น มาสเองเกิล ชาวแอฟริกันผิวขาว อายุ ๖๐ ปี จากเมือง โจฮันเนสเบิร์ก อาชีพนักเขียน นักข่าวหนังสือพิมพ์ เขาเล่าว่า “เมืองที่ผมอยู่ไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆ ของโลกหลายแห่ง คือ ยิ่งความเจริญทางวัตถุมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าความเจริญทาง จิตใจจะลดน้อยลงมากเท่านั้น”
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More