ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก
ระหว่างพระพาหาทั้งสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต
๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก
เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละออง
เกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟังขึ้น กลิ่น
กระจายไปทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้
พระองค์ทรงมีพระนามเช่นนั้น
พระพุทธองค์ทรงมีพระเชฏฐภาดา
คือ น้องชายร่วมบิดา ชื่อสุมนกุมาร แม้จะ
ไม่ได้เสด็จออกผนวชตามพระเจ้าพี่ แต่ก็มี
ความเคารพเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา
เมื่อว่างเว้นจากกรณียกิจก็หาโอกาสไป
ฟังธรรมจากพระบรมศาสดาเป็นประจำ
มิได้ขาด ทุกครั้งที่เสด็จไปเฝ้าพระเจ้าพี่นั้น
เป็นที่โปรดปรานของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นพิเศษ เวลาจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
ต้องขออนุญาตจากพระเถระรูปนี้ก่อน
สุมนกุมารสังเกตเห็นว่า พระเถระชื่อสุมนะ
เพราะท่านจะรู้เวลาอันควรหรือไม่ควร
ทำให้พระกุมารอยากได้รับตำแหน่งของภิกษุผู้ใกล้ชิด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารภกับพระพุทธองค์
พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้สุมนกุมาร
เริ่มทำทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล จึงจะเป็น
ที่โปรดปรานของพระองค์ จากนั้นทรงรับสั่งให้
พระกุมารสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ เพื่อรองรับ
ภิกษุถึง ๑ แสนรูป ที่จะมาฉันภัตตาหารในพระราชวัง
สุมนกุมารจึงซื้ออุทยานของกุฎมพี่โสภะ ในราคา
๑ แสนกหาปณะ อีกทั้งทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์
อีก ๑ แสนกหาปณะ เพื่อสร้างมหาวิหารทันที ทรง
รับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า
และได้สร้างกุฎีและมณฑปเพื่อเป็นที่พักสำหรับ
ภิกษุสงฆ์
สุมนกุมารปรารถนาตำแหน่งภิกษุผู้ใกล้ชิด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์
๑ แสนรูป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
มาฉันภัตตาหาร แล้วกล่าวคำน้อมถวายมหาวิหารว่า
“ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยาน
ชื่อโสภนะ ที่ข้าพระองค์ทรงสร้างเป็นมหาวิหาร
สำหรับภิกษุสงฆ์ด้วยเถิด”
พระกุมารทรงถวายมหาทานตลอด ๗ วัน
ในวันที่ ๗ ทรงถวายผ้าไตรจีวรแด่ภิกษุ ๑ แสนรูป
แล้วทูลขอพรว่า “ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวาย
แด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้ มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติ
คือ ความเป็นท้าวสักกเทวราช ทั้งมิได้กระทำ
เพราะหวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนา