ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทรงทราบถึง
พุทธพยากรณ์ ก็ทรงหวั่นพระทัยมาก เพราะทรง
ทราบว่าพุทธพยากรณ์ย่อมเป็นจริง ทรงดำริว่า
“พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เราจะถูกธรณีสูบที่
เชิงบันไดในวันที่ ๗ เราจะทำให้วาจานี้คลาดเคลื่อน
โดยไม่เข้าไปใกล้เชิงบันได” จากนั้น ทรงย้ายไป
ประทับอยู่บนปราสาทชั้น ๗ และทรงคัดเลือก
ทหารร่างกายใหญ่โต แข็งแรง ให้มาเฝ้าที่ประตู
ปราสาททุกๆ ชั้น เพื่อกันมิให้พระองค์เสด็จลงไป
จากปราสาทได้
เมื่อภิกษุทั้งหลายทราบความเคลื่อนไหวใน
พระราชวัง ก็ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ว่า พุทธพยากรณ์จะยังคงเป็นจริงอยู่หรือไม่
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “อย่าว่าแต่จะขึ้นไปอยู่บน
ปราสาทชั้น ๗ ที่มีทหารกำยำล่ำสันเฝ้ารักษา
ประตูอยู่จำนวนมากเช่นนี้เลย แม้จะเหาะไปใน
อากาศ จะหนีไปทางมหาสมุทร หรือจะหนีเข้าไป
ในซอกเขา ก็จะต้องถูกแผ่นดินสูบที่เชิงบันไดของ
ปราสาท เพราะถ้อยคำของตถาคตไม่เป็นสอง
เรากล่าวอย่างไร ย่อมเป็นอย่างนั้น
อีกเจ็ดวันต่อมา ในเวลาเดียวกับที่พระเจ้า
สุปปพุทธะขัดขวางทางเสด็จของพระบรมศาสดา
ม้าพระที่นั่งเกิดพยศขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ส่ง
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลา นอกจากพระเจ้า
สุปปพุทธะแล้วไม่มีใครปราบม้าตัวนี้ได้ พระองค์
จึงทรงกระวนกระวายพระทัยยิ่งนัก จนทรงลืม
ทุกสิ่งทุกอย่าง คิดแต่จะไปปราบม้าพยศเท่านั้น
จึงเสด็จออกจากที่ประทับ กรรมได้บันดาลให้
ประตูทุกบานเปิดออก ทหารต่างลืมหน้าที่ของตน
พระองค์เสด็จลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึง
เชิงบันได มหาปฐพีส่งเสียงดังสนั่น ทันทีที่พระบาท
ของพระองค์แตะพื้นดิน แผ่นดินก็แยกออกเป็น
สองส่วน สูบเอาร่างของพระองค์ลงไปยังอเวจี
มหานรกทันที
นี่แหละอำนาจของกรรม !
การทำร้ายพระสงฆ์ด้วยเจตนาที่จะบ่อน
ทำลายพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นตัวแทนของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าเป็นการล่วงเกิน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน ผู้ทำจะได้รับกรรม
หนักแสนสาหัส และเมื่อถึงคราวที่กรรมตามทัน
จะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น ดังที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตรัสไว้ว่า “บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ แม้จะหนีไปใน
อากาศ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร หรือหนีไป
ยังซอกเขา ก็ไม่อาจพ้นจากกรรมชั่วของตนได้
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระภิกษุใน ๒๖๖ วัด
ภาคใต้นั้น สิ่งที่เราควรทำนอกจากการอุปัฏฐาก
และถวายจตุปัจจัยไทยธรรมที่ทำกันอยู่เป็นประจำ
แล้ว เรายังควรหมั่นทำทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์
ทำสมาธิภาวนาให้มากยิ่งขึ้น และตั้งจิตประกอบ
ด้วยเมตตาว่า ทุกสรรพชีวิต คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด
แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น และอธิษฐานจิต
ให้อำนาจบุญกุศลจงดลบันดาลให้พระภิกษุและ
พี่น้องประชาชนใน ๔ จังหวัดภาคใต้ปลอดภัยจาก
อันตรายทั้งปวง ให้เหตุการณ์รุนแรงยุติลงโดยเร็ว
ให้ประเทศของเราสงบสุขดังเดิม
ย
ถ้าเราพร้อมใจกันทำเช่นนี้เป็นประจำ กระแส
แห่งความบริสุทธิ์จากใจของมหาชนก็จะผสาน
รวมกัน บังเกิดเป็นอานุภาพอันไพศาล แผ่ออกไปสู่
สังคมและประเทศชาติ ซึ่งจะช่วยให้ความขัดแย้ง
ต่างๆ บรรเทาลงไปได้
ขอให้เรามาร่วมกันสร้างกระแสแห่งความ
ดีงามให้บังเกิดขึ้นในประเทศของเราและให้เชื่อมั่นว่า
ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน
เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร กรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ก็
จะติดตามไปส่งผลได้เสมอ เพราะ..
อำนาจกรรมอยู่เหนือกาลเวลา และอยู่เหนือ
อำนาจทั้งปวง