ความรู้สึกของเด็กกำพร้าและความสำคัญของครอบครัว พระคุณแม่ เล่ม 2 หน้า 11
หน้าที่ 11 / 20

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับความรู้สึกของเด็กกำพร้าเมื่อเผชิญกับการแย่งชิงขนมและของเล่น โดยตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเด็กที่มีครอบครัวที่อบอุ่น คำบรรยายเล่าถึงคุณค่าของการมีพ่อแม่และความผูกพันในครอบครัว โดยอ้างถึงความทรงจำในวัยเด็กของผู้เขียนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญและพระคุณของแม่ที่มักจะไม่ทิ้งลูกแม้ในยามลำบาก.

หัวข้อประเด็น

-ความรู้สึกของเด็กกำพร้า
-ความสำคัญของครอบครัว
-สถานการณ์ในสงครามโลกครั้งที่สอง
-การแย่งชิงและความอบอุ่นในวัยเด็ก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทั้งหมด แกจึงต้องรีบแย่งชิงไขว่คว้าเอา ไว้ให้มากที่สุด เอาขนมไปแจกก็แย่งกันกิน เอาตุ๊กตาไปให้ เนื่องจากเราไม่รู้จำนวน เด็กมาก่อน ซื้อไปแค่ ๔๐-๕๐ ตัว แต่ เด็กมีอยู่ถึง ๒๐๐-๓๐๐ คน พอส่งให้ ก็เลยชุลมุนแย่งกัน คนหนึ่งคว้าคอ คน หนึ่งคว้าแขน อีกคนดึงขา พรีบเดียวขาด ได้ไปคนละท่อนสองท่อน แล้วก็ทุบกันตี กัน เอาเสื้อไปให้ คนไหนเก่าขาดแล้วพี่เลี้ยงเขาก็เอาเสื้อใหม่เปลี่ยนให้ องคนไหนยังกลางเก่ากลางใหม่ก็ไม่ได้เปลี่ยน แกก็อิจฉากัน เข้าไปถึง ไปทิ้ง ในที่สุดเสื้อใหม่ก็ขาด ไม่ได้ใส่ เห็นอย่างนั้นแล้วได้คิด สลดใจวูบเลย ตายจริง เด็กพวกนี้เขามี ความรู้สึกนึกคิดไม่เหมือนเรา เมื่อเรายังเด็กเราอยากได้เพื่อนรุ่นเดียวกัน หลายๆ คนจะได้เล่นกันให้สนุก เราไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนจะมาแย่งของกิน แย่งของเล่นเพราะท้องเราอิ่ม ของเล่นของเราก็มาก แล้วที่สำคัญเรามี ความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ เรารู้ว่าท่านรักเรา ใคร ๆ รอบข้างเราล้วนรัก เราทั้งนั้น เราจึงมองโลกในแง่ดี รักเพื่อน อยากได้เพื่อนเล่นมากๆ บาง วันมีตั้ง ๒๐-๓๐ คน เล่นอย่างโน้นเล่นอย่างนี้ เกรียวกราวตึงตัง โดนตี วันละหลาย ๆ รอบ ก็เพราะเรื่องสนุก ๆ นี่ละ แต่ว่าเด็กกำพร้าพวกนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างพวกเรา เขาไม่ได้ มองว่า คนรอบข้างเขา ๒๐๐-๓๐๐ คน นี่คือเพื่อน แต่มองเป็นศัตรูที่ คอยแย่งของ แย่งคนที่มารัก แววตาของเขาแห้งผาก ว้าเหว่อย่างน่าใจหาย เขาไม่มีแม้พ่อแม่จะให้รัก แล้วคนที่มีพ่อแม่เลี้ยงดูมาถึงขนาดนี้แล้วยัง จะเอาอะไรจากท่านอีก! พระคุณแม่ 20 แม้ความตายมาจ่อคอก็ไม่ทิ้งลูก อาตมาเองเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนา อยู่จังหวัดกาญจนบุรี ฐานะ ทางบ้านไม่ร่ำรวยขนาดมีเงินฝากธนาคารเป็นถุงเป็นถัง แต่ก็มีความภูมิใจ ว่าครอบครัวของเราไม่เคยเป็นหนี้ใคร เราอยู่กันตามประสาชาวไร่ชาวนา ตอนเรียนหนังสืออาตมามีเพื่อนฝูงที่ร่ำรวยหลายคน แต่ก็ไม่เคยนึกน้อยใจ เลยว่าพ่อแม่ไม่ร่ำรวยเหมือนพ่อแม่คนอื่น คงเป็นเพราะอาตมาจําภาพ คราวคับขันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเมื่อตอนเด็ก ๆ ได้ติดตาติดใจ คราวนั้น ถ้าไม่ได้ทาน เราคงตายไปแล้ว ดังนั้นถึงยากลำาบากอย่างไรก็ไม่คิดจะ เรียกร้องเอาอะไรจากท่านอีก คราวนั้น.... ถ้าไม่ได้ทาน เราคงตายไปแล้ว จำได้ว่า ตอนนั้นอาตมาอายุ ประมาณ ๔-๕ ขวบ เกิดสงคราม โลกครั้งที่สอง ภาพเหตุการณ์บาง ตอนอาตมาจ๋าได้แม่นย่า คงเป็น เพราะความกลัวสุดขีดนั่นเอง เสียง ลูกระเบิดหล่นตูม ๆ แผ่นดินสะเทือน ไปหมด เวลาเครื่องบินข้าศึกบิน มาทิ้งระเบิด ทางราชการเขาจะเปิด หวอเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านหนีลง หลุมหลบภัย พอเสียงหวอดังขึ้น โยมแม่ของอาตมาไม่รอช้า รีบคว้า ข้อมือพี่สาว ๒ คน วิ่งลิ่วไปที่หลุม หลบภัย ส่วนโยมพ่อ เนื่องจาก อาตมายังเล็ก ท่านจึงเอาขึ้นบ่าแบก 21 พระคุณแม่
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More