ความรักและการห่วงใยของแม่ พระคุณแม่ เล่ม 2 หน้า 15
หน้าที่ 15 / 20

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเสนอให้เห็นถึงความรักและการห่วงใยที่ไม่มีวันพึ่งหายไปของแม่แม้เมื่อเราจะโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นการย้ำเตือนความรู้สึกของพ่อแม่ที่ยังคงมองเราเป็นลูกน้อยตลอดไป มีประสบการณ์จากการไปเยี่ยมบ้านและความรู้สึกของการเป็นลูกที่แม่ยังห่วงใยอย่างสุดหัวใจ และเกี่ยวกับการรอคอยกลับบ้านในวันปีใหม่ที่เปรียบเสมือนความหวังของพ่อแม่ที่เต็มไปด้วยความรักและความใส่ใจ

หัวข้อประเด็น

-ความรักของแม่
-การห่วงใยของผู้สูงอายุ
-ความสัมพันธ์ในครอบครัว
-เหตุการณ์ในบ้าน
-การคอยลูกกลับบ้าน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หนูแดงของแม ขอเตือนว่า ลูกส่วนมากไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อโตเป็นหนุ่ม เป็นสาว ทํางานทําการเป็นหลักแหล่ง มีครอบครัวแล้ว มักจะลืมไปว่า ความรู้สึกนึกคิดของท่านผู้เฒ่าหรือของพ่อของแม่นั้น ไม่ว่าเราจะโตไป แค่ไหนก็ตาม ถ้าท่านยังอยู่ ท่านก็เห็นเราเป็นไอ้หนูแดงตัวเล็กของท่าน อยู่วันยังค่ำ ความรู้สึกว่าเป็นพ่อเป็นแม่ของท่านนี้ฝังลึกเข้ากระดูกไปจน ตายทีเดียว ลูก ๆ จะอยู่ในจิตในใจของท่านตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถึง แม่เราจะอายุ ๔๐-๕๐ แล้วก็ตามที ท่านก็ยังห่วงเราเหมือนเมื่อครั้งเรา ยังแบเบาะอยู่นั่นแหละ มีอยู่คราวหนึ่ง อาตมากลับไปเยี่ยมบ้าน ไปเยี่ยมสองผู้เฒ่า ตอน นั้นก็ทำงานแล้ว อายุเกือบ ๓๐ มีลูกน้องอยู่ใต้บังคับบัญชาก็หลายคน ก็ ต้องถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คืนนั้นคุยกับโยมพ่อโยมแม่เสร็จสัก ๔ ทุ่ม ก็เข้านอน เนื่องจากเป็นหน้าร้อน อากาศค่อนข้างอบอ้าวก็เลยไม่ได้หมผ้า แต่ว่าก็ติดนิสัย โยมแม่สอนเอาไว้ ไม่ว่าอากาศจะร้อนเท่าไรเวลานอน ต้องเอาผ้าห่มปิดอกปิดท้องไว้ เผื่อว่าตอนดึกอากาศหนาวจะได้พอประทัง ท่านกลัวลูก ๆ จะเป็นหวัด จะปวดท้อง ประมาณตีสอง พอดีอากาศ ลูกตัวยังกะช้าง เป็น เย็น ๆ รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นโยมแม่ หัวหน้าคน มีลูกน้อง กำลังห่มผ้าให้ ท่านรู้ว่าลูกคงไม่ได้หม ผ้าเพราะอากาศตอนหัวค่ำร้อน คงมีแต่ เกือบร้อย แม่ยังมอง ผ้าห่มปิดอกปิดท้องเท่านั้น จึงลุกขึ้นมา เห็นเราเป็นไอ้หนูแดง ห่มผ้าให้ โธ่เอ๊ย ลูกตัวยังกะช้าง เป็น หัวหน้าคน มีลูกน้องเกือบร้อย แม่ยัง พระคุณแม่ 28 องแม มองเห็นเราเป็นไอ้หนูแดงของแม่อยู่อีก ตอนนั้น พอเห็นหน้าเรา ไม่เข้าใจแม่รู้สึกรำคาญว่าผู้เฒ่านี่ช่างจุกจิกจู ไม่เข้าเรื่อง ก็เลยดูท่านไป “เฮ้อแม่ไปนอนเถอะ จะมาห่วงอะไรนักหนา โต ๆ กันแล้ว” ท่านก็ชื่นใจ ทำอะไรให้เรา ทานก็ไม่พูดอะไร ห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ก็ด้วยความรัก ท่านก็กลับไปนอน มีใครเจออย่างนี้บ้างหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ถ้าเจอละก็อย่าไปว่าท่านนะ เพราะว่า ใจของท่านเมื่อไหร่ ๆ เราก็ลูก ยิ่งจากไปนาน ๆ ยิ่งกังวลห่วงใยสารพัด ชะเง้อคอคอยลูกทุกเมื่อ ความหวังดี เชื่อวัน พอเห็นหน้าเราท่านก็ชื่นใจ ทำอะไรให้เราก็ด้วยความรักความ หวังดี อย่าไปทําให้ทานน้อยใจเลย คอยลูกมาพร้อมหนา เมื่ออาตมาเรียนอยู่ในระดับมัธยม ยังอยู่กับโยมพ่อโยมแม่ พี่ๆ เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ พี่เรียนจบแล้วก็ทำงานมีครอบครัวอยู่ในกรุงเทพฯ ปีหนึ่งจึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักครั้ง โดยเฉพาะวันปีใหม่ต้องกลับทุกปี มีอยู่บางปีพี่สาวเกิดติดธุระ ไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านในวันปีใหม่ แล้วไม่ได้บอกล่วงหน้า โยมพ่อโยมแม่ชะเง้อคอยาวเลย เห็นท่านชะเง้อ คอยลูกแล้วเล่นเอาใจแห่งเหมือนกัน ในชนบทสมัยนั้นไม่ค่อยมีรถยนต์วิ่ง ผ่าน นาน ๆ จะมีสักคันหนึ่ง พอได้ยินเสียงรถยนต์มาแต่ไกล ท่านจะออก ไปยืนหน้าบ้านคอยว่าเมื่อไหร่ลูกจะมา เจ้ารถคันนี้ลูกจะมาไหมนี่ ท่านเดิน เข้า ๆ ออก ๆ ทั้งวัน แต่เมื่อลูกไม่มาหรือ บางปีมาไม่ครบ หน้า ท่านก็ไม่พูดอะไรมาก แต่ว่าท่านนั่งซึม ๆ โยมพ่อก็ 29 พระคุณแม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More