ความห่วงใยของผู้ปกครอง พระคุณแม่ เล่ม 2 หน้า 16
หน้าที่ 16 / 20

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงความคิดและความรู้สึกของพ่อแม่ที่ห่วงใยเรื่องต่างๆ ของลูก ๆ ในความสัมพันธ์ของครอบครัว โดยเฉพาะการเยี่ยมเยียนในเทศกาลสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่และวันเกิด ซึ่งการไม่ไปเยี่ยมอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกเศร้าใจและวิตกกังวล รวมถึงประสบการณ์ของผู้เขียนที่ไม่เคยติดต่อทางบ้านระหว่างเรียนต่อในต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารและการเยี่ยมเยียนในครอบครัว รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อขาดการติดต่อในการสร้างความสัมพันธ์

หัวข้อประเด็น

-ความรู้สึกของพ่อแม่
-การเยี่ยมเยียนในครอบครัว
-ผลของการไม่ติดต่อกับพ่อแม่
-ประสบการณ์การเรียนต่างประเทศ
-ความสำคัญของการสื่อสารในครอบครัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นั่งซึม โยมแม่ก็นั่งซึม นี หัวอกแม่ หัวอกพ่อเป็นอย่างนี้ เราอาจจะกำลังเที่ยว สนุกอยู อาจจะทําอะไร เพลิน ๆ อยู่ก็ตามที แต่ว่าท่านไม่ได้นึก เหมือนเรานึกหรอก ท่านนึกถึงเราแต่ในลักษณะของความห่วงใยเสียเป็นส่วนมาก กังวลว่าจะ เจ็บไข้ได้ป่วยสารพัด เพราะฉะนั้น พอถึงเวลาแล้วแค่เราไม่ไป หรือไป เยี่ยมท่านผิดเวลาก็มีผลถึงขนาดนี้ พวกเรานะ ถึงวัน ถึงเดือน ถึงปี ซึ่งเป็นที่รู้กันในครอบครัวล่ะก็ อย่าขาด ไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ของเราให้ได้ ถ้าไม่ไป จะเป็นการทรมาน คนแกมากเลย วันรวมลูก ๆ รวมคนในครอบครัว ส่วนมากที่เป็นที่รู้กันก็คือ วัน ขึ้นปีใหม่ บางครอบครัวที่มีเชื้อสายจีนก็อาจเป็นวันตรุษจีน ของคนไทย แต่เดิมก็ก้าหนดเอาวันสงกรานต์ หรือในครอบครัวที่เคร่งศาสนาก็อาจ ถือเอาวันเข้าพรรษาหรือวันอะไรก็ตามแต่ ส่วนที่ทันสมัยหน่อยก็อาจเป็น วันเกิดของคุณพ่อคุณแม่ วันเหล่านี้ ถ้าเราขาดไปสักคนหนึ่ง จะมีผลต่อท่านผู้เฒ่าอย่าง มากแต่ถ้าเราไปพร้อมหน้าพร้อมตากันท่านจะดีใจ ดีใจเหมือนกับไป ได้ยาวิเศษอะไรมาสักขนานหนึ่ง เอามาต่ออายุท่านอย่างนั้นแหละ นี่คือ ลักษณะของความคิดถึงลูกของแม่ของเรา หรือของคุณพ่อของเรา ถ้าลูก คนไหนมองข้ามเรื่องนี้ไป ก็เหมือนทอนอายุท่านผู้เฒ่าทีเดียว พระคุณแม่ 30 อยากได้ข่าวจากลูกที่อยู่ไกล เมื่อตอนที่จบการศึกษาจากเมืองไทย อาตมามีโอกาสไปศึกษาต่อ ต่างประเทศ ไปอยู่ ๒ ปี ไม่เคยส่งจดหมายมาถึงทางบ้านเลย เพราะว่า ตอนที่ไปเรียนต่อนั้นลำบากอยู่พอสมควร สภาพหลาย ๆ อย่างบีบบังคับ เอาพอแรง แล้วบวกกับเป็นคนไม่ชอบเขียนจดหมาย ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว เป็นนิสัยที่ไม่ดีเลย ลูก ๆ ทั้งหลายอย่าเอาอย่างนะ ไปอยู่ต่างประเทศได้อาทิตย์หนึ่ง โยมพ่อก็จดหมายไปด้วยความ เป็นห่วงลูกชาย แล้วก็บอกว่าทุกคนทางบ้าน โดยเฉพาะโยมแม่คิดถึงมาก อาตมาก็ไม่ตอบ ฉบับที่ ๒ ก็เฉยไม่ตอบ อีก ๒-๓ อาทิตย์ต่อมา ฉบับ ที่ ๓ ก็มา แล้วก็ไม่ตอบอีก เพราะว่าถ้าตอบก็ต้องพูดกันตรงๆ พูดกันตรงๆ ก็คือ สภาพที่ไปเรียนไม่สบายเท่าไหร่นัก ตั้งแต่เข้า ห้องเรียน ฟังภาษาไม่รู้เรื่องเลย เพราะภาษาอังกฤษที่เรียนไปนั้นเป็นภาษา อังกฤษแบบอเมริกัน แต่ว่าไปฟังภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลียเข้า ก็เลย ฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนอย่างกับฝรั่งที่มาเมืองไทยเขาเรียนภาษาไทยภาคกลาง มา แต่พอมาถึงเมืองไทยแล้วแทนที่จะอยู่ภาคกลาง กลับไปอยู่ภาคใต้หรือ ภาคอีสานเข้า ก็คงจะมีอาการแบบเดียวกันนั่นแหละ เข้าห้องเรียนอย่าว่า แต่จดเลคเชอร์เลย ฟังก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็เลยไม่อยากเล่าให้ทางบ้านฟัง เลยไม่เขียนจดหมายตอบ พอ ๓ ฉบับไม่ตอบ ทั้งโยมพ่อโยมแม่คงน้อยใจ โยมพ่อเลยเขียน จดหมายมาฉบับที่ ๔ ท่านเขียนสั้น ๆ บรรทัดเดียว “ลูกรัก ถ้ายังไม่ตาย ตอบจดหมายพ่อด้วย” แล้วก็ปรากฏว่าไม่ตอบอีก ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่ง เรียนจบกลับเมืองไทย ไม่มีการเขียนจดหมายถึงกันและกันเลย ซึ่งการ กระทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ แล้วก็เป็นกงกรรมกงเกวียน ลูกศิษย์ทัตตชีโว 37 พระคุณแม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More