อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ หลวงพ่อตอบปัญหา เรื่อง ทาน-บุญ หน้า 54
หน้าที่ 54 / 63

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการอุทิศร่างกายของผู้ตายให้กับโรงพยาบาลเพื่อการศึกษาของแพทย์ ซึ่งมีอานิสงส์แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย การทำบุญขณะมีชีวิตจะได้รับอานิสงส์มากกว่าการทำเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการให้ชีวิตเป็นทาน เช่น การให้เลือดและอวัยวะต่างๆ ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบจากแพทย์ก่อนที่จะทำการบริจาค เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตของผู้บริจาคเอง จึงแนะนำให้ทำบุญในขณะที่ยังมีชีวิตเพื่อให้ได้รับผลที่ดีกว่า

หัวข้อประเด็น

-การอุทิศร่างกาย
-อานิสงส์หลังตาย
-ทำบุญขณะมีชีวิต
-การบริจาคอวัยวะ
-การให้ทาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทาน – บุญ ๒๖. อุทิศร่างกาย การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เพื่อการศึกษาของแพทย์ หลังจากเราตายแล้ว มีอานิสงส์อย่างไรบ้างคะ ? สำหรับเรื่องนี้ได้อานิสงส์ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ เพราะ อะไร? เพราะให้ร่างกายหลังตายแล้ว นักศึกษาแพทย์ก็เอาศพไปศึกษา หาความรู้เรื่องโรคต่างๆ เพื่อหาทางรักษาคนไข้คนอื่นๆ เจ้าของ ร่างกายจะได้บุญ ก็คงประมาณเท่าๆ กับให้หนังสือเล่มหนึ่ง ตามหลัก ถ้าอยากจะได้บุญมากๆ ต้องให้ขณะเป็นๆ คือยังมีชีวิตอยู่ จะได้บุญ มหาศาล เพราะเหมือนกับให้ชีวิตเป็นทาน ถ้าให้หลังตายแล้ว อานิสงส์ที่ได้ก็อาจเข้าทำนองว่าทุกภพ ทุกชาติหลังจากตายแล้ว จะมีผู้จัดงานศพ ให้อย่างเอิกเกริก ให้คน ทั่วไปเข้าใจเอาเองว่า คงทำความดีไว้มาก หรือมีลูกหลานดี แต่จริงๆ แล้วขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อาจจะลำบากยากแค้นก็ได้ ถ้าไม่ได้สร้างกุศล อย่างอื่นไว้ด้วย เพราะฉะนั้นใครจะอุทิศ หรือทำบุญสิ่งของใด ก็จงอุทิศให้ ในขณะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ จะได้ชื่นชมผลของการให้ด้วย เพราะบุญที่เกิดจากการให้ทานเกิดถึง ๓ วาระ คือก่อนให้ กำลังให้ และหลังจากให้แล้ว บุญจะได้มากขึ้นอีกงบหนึ่ง ที่หลวง พ่อว่าให้ชีวิตเป็นทานนั้น หมายถึงให้เลือด ให้เนื้อ ให้อวัยวะเป็นทาน นะลูกนะ ไม่มีใครตายแทนกันได้หรอก และก่อนจะให้อวัยวะส่วนใดใน ร่างกาย แพทย์เขาต้องตรวจสอบวินิจฉัยก่อนว่าให้ได้ โดยเจ้าของไม่ เดือดร้อน หรือถึงกับเสียชีวิต พระภาวนาวิริยคุณ 54 (เผด็จ ทั ต ต ชีโว)
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More