ข้อความต้นฉบับในหน้า
ນิมิต ปฏิมรรค ปฏิมสมาน ธรรมกาย
เมื่ออสูเมบัติก็ตอเบิร ก็กลายมาเป็นสูเมบาดน แล้วพระดาบก็ด้ก็ใจรักซีดเจริญวาน อย่างจริง จำๆ มาถึงชีวิตออกบวช ไม่ใช่ใกล้สิผไปตามลำดับ ๆ จนกระทั่งบรรจบุณ
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจตามแนววิชาธรรมกาย ก็ต้องว่าอย่างนี้คือ สูมเบดตังใจ ฝึกสมาธิด้วยการกำหนดดวงแก้วเป็น บริกรรมมโนติ และบริกรรมวาว คือต้องใจ เป็นการระดับประดงใจให้สงบ ด้วยว่าน สัมมา อะระหัง ๖๖ ... ต่อเนื่องกันไป โดยไม่เห็นแกนณ แกนณ
ต่อมามันก็ขยาน คุ้นเคย นก็ไม่คอไป ไม่แลงไป ถูกลดส่วนบริกรรมมิดที่นถึงอยู่เป็นประจำนั้น ก็อตตา ติดใจ จำได้แล้ว ฉันจะทั่งหลับตกก็เห็นเหมือนสัตว์กลายเป็น อุดหนุมมิ เป็นเห็นดายไปสองงาม ข้างๆ ข้าง ใจที่ซึมซาบเยือกเย็น สงบอยู่ภายใน ต่อมาคุณมโนผิต ก็คิดใจต่อเนื่องกันมานั้น ฉันกลายเป็นภาพที่เกิดจากสัญญา สามารถ ควบคุมได้ จะบ้างให้เด็ก ยายใหญ่ก็สมใจ เป็นของบริกรรมยู่ในกลาย เป็น ปฏิภาคมิมิต จะขยายเท่าปลายเข็ม จะขยายให้ใหญ่เต็มโล กำไดดังใจ
ปฏิภาคมิมิต เมื่ออิ่มมาดังไว้ทั่วที่นั่งกลางฐานที่ 7 เหนือสะดือสองนิ้วก็กลางเป็น ดวงปัจจมรรค เป็นดวงกลมที่เห็นได้อย่างว่าวาดเห็น ใส่กวาเพชรนิลดำ ๆ เท่า สว่างยิ่งกวาดจาติ ย ดวงรัศมีซีกล่างดวงรวมกัน และมีความรู้สึกว่า ดวงปฏิมมรรคนี้ เกิดขึ้นมั่นคง เป็นอันหนึ่งเดียวกับบรรดาให้เอาชังสักอ้อยเข้ามาช่วยกันดู ก็ไม่เคลื่อนขยับ แต่ว่าเปลดกิ้งสว่างเท่าไรก็ไม่รู้ช้ำใจเท่านั้น และจะดิ้น สุข อย่างไงไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ที่ได้ปฏิมมรรคนี้จะเรียกได้ปฐมมานะก็ได้
สูมเดาบาสฝึกสมาธิผ่านจากปฏิมมานะ คือว่าน 1 เข้าดู ตุ้ยามานะ คือว่าน 2 เข้าดูติตามว่านว่าน 3 เข้าดูตุตามว่าน คือว่าน 4 แล้วเข้าตูมานะ ทั้ง 4 รวมเป็นสมบัติเหลือโดยละเอียดวงจรจะไม่พูด ฝึกจนขึ้นมามายตามความชำนาญมากสามารถควบคุมจิตใจให้มันนวดควบแกล้การใช้ปัญญาและใช้งาน ทุกรูปแบบ เรียกว่า “อาถญา 5” คือ
1. อิทธิวิธี สามารถแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ดังใจ มิว่าจะเดินนำ่นำ ดำดุดว่าในดิน เหาะเหินเดินอากาศได้ทั้งสิ้น