ข้อความต้นฉบับในหน้า
ภายหลังมีผู้สร้างวัดความอรามถวายพระภิษุสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก
๑.๓ โอวาทปาฐิโมกข์ นโยบายการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก
ณ ที่วัดเวชวนารามนี้เอง ภายหลังการตรัสรู้ธรรมได้ ๙ เดือน พระพุทธศาสนาก็มี
พระอรหันต์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในวันที่เพ็ญขึ้น ๓ ค่ำ (มาณวิษฺยุจ) เหล่าพระอรหันต์ ๒,๕๐๐ รูป ประกอบด้วยพระภิษุรูปธิ์จำนวน ๑,๐๐๐ รูป ภิกษุวริวารของพระสรมัฏฐและ
พระโมคลัลลานะจำนวน ๒๕๐ รูป ได้มาประชุมกันในเวลาบ่าย เพื่อเข้าเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ส่วนพระปัญจกัศย์มิได้มาร่วมประชุมด้วย
ในที่ประชุมดังนี้ พระสัมพุทธเจ้าได้ทรงสถาปนา พระสรมัฏฐ ต์ เป็น
อัครสาวกเบื้องขวา และ พระโมคลัลลานะ ให้เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย และตรัสแสดง
โอวาทปาฐิโมกข์ ในกลางสงฺผู รุ่น ๑๕๑ รูป เพื่อเป็นนโยบายการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในยุคพระศาสนาของพระองค์
โอวาทปาฐิโมกข์เป็นอันมากเป็น ๓ ส่วน
โอวาทส่วนแรก คือ เป้าหมายของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ ๓ ประการ คือ
๑. ขจัดเป็นธรรมเครื่องเผล่ผลาญกิเลสอย่างยิ่ง
๒. พระพุทธเจ้าพังหลายตรัศว่า นิพพานเป็นธรรมอันสูงสุด
๓. ผู้ล้างผลาญผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพติ ผู้ยึดเหนี่ยวผู้นั้น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
การที่พระสัมพุทธเจ้าได้ทรงสถาปนาโอวาทดังนี้ ก็เพราะทรงทราบดีว่า การขยายงาน
เผยแผ่พระพุทธศาสนาออกไปในวงกว้างนั้น ย่อมหลีกเลี่ยงผลกระทบในเชิงความคิดเห็น
ที่แตกต่างกันไม่ได้ พระองค์จึงทรงต้องการให้เหล่าพระอรหันต์ประกาศให้ประชาชนทราบ
ถึงเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาว่า คำสอนในพระพุทธศาสนามีเนื้อความหลุดพ้น
จากการเวียนว่ายตายเกิดในวิสุงสาร แต่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั้น
ผู้ปฏิบัติต้องมีความอดทนในการปราบกิเลส ต้องตั้งเป้าหมายชีวิตสูงสุดไว้ที่บรรลุ
พระนิพพาน และต้องมีสมณะเป็นครูแนะนำสั่งสอนหนทางบรรลุธรรม ผล นิพพาน ถึง
จะสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้สำเร็จ
ดังนั้น โอวาทในส่วนแรกนี้ก็ ok คือ การปลูกฝังสมาธิหรือความเข้าใจถูกในการปรับ
กิเลสให้กับประชาชน นั่นเอง