ข้อความต้นฉบับในหน้า
?
หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
เรื่องที่เรียนได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องท่องหนังสือ
เล่มโต ๆ ไม่ต้องพยายามจำรายละเอียดต่างๆ ให้
มากมายนัก เขาก็กลายเป็นคนเรียนดีได้
ถ้าคุณหนูคิดว่าตัวเองอยู่ในลักษณะจับ
ประเด็นไม่เป็น ย่อความไม่เป็น หรืออะไรทำนองนี้
ก็ควรจะเข้าไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนวิชานั้นๆ
ขอให้ท่านช่วยอธิบายในสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจให้ฟังใหม่
ก็จะทำให้การเรียนดีขึ้น
ประเภทที่ หลวงพ่อเองก็เคยเป็น คือถ้า
ไปเจอเรื่องที่เราไม่เคยเจอมาก่อน แล้วเป็นเรื่องที่
ยากจริงๆ คนอื่นๆ ก็บ่นว่ายากเหมือนกัน
ในกรณีนี้ วิธีแก้ไขต้องใช้อำนาจของสมาธิ
เข้ามาช่วย แต่ตอนนั้นหลวงพ่อก็ไม่ได้เข้าใจเรื่อง
สมาธิดีนัก เพราะว่ายังไม่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ฯ
ของเรา
วิธีที่หลวงพ่อทำก็คือ เรื่องที่เราไม่เข้าใจก็อ่านแล้ว
อ่านอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่านเป็นเรื่องสุดท้าย
ก่อนที่จะเข้านอน คืออ่านจนกระทั่งจบ แล้วก็
หลับกันไปเลย
ตื่นเช้าขึ้นมาแทนที่จะไปล้างหน้าล้างตา
ก็คว้าเจ้าเรื่องนั้นแหละมาอ่านก่อน เข้าใจไม่เข้าใจ
ก็อ่านไปจนจบ แล้วค่อยไปล้างหน้าล้างตา เข้า
ห้องน้ำห้องท่า
กลางวันขณะที่เรียนเรื่องอื่นก็เรียนไป แต่พอ
มีเวลาว่าง หรือขณะทำภารกิจส่วนตัวก็จะตรึกนึกถึง
แต่เรื่องนี้ จะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็ไม่เป็นไร
ก่อนนอนก็เอามาอ่านเป็นวิชาสุดท้ายอีก
อ่านจนกระทั่งหลับไป เช้ามืดพอตื่นขึ้นมา ก็หยิบ
4 44
เรื่องนี้ขึ้นมาอ่านอีก
ทำอยู่อย่างนี้เรื่อยไป พอเข้าวันที่ ๓
ไม่เกิน
วันที่ ๔ จำได้เป็นฉากๆ เลย แล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้เอง
โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม
ถึงเป็นอย่างนั้น
จนกระทั่งเมื่อมาพบคุณยายอาจารย์ฯ ก็
เล่าให้ท่านฟังว่า “คุณยาย กระผมได้เจออย่างนี้ๆ
มา เมื่อสมัยเป็นนักศึกษา ช่วยตอบทีเถอะว่าเป็น
เพราะเหตุใด”
คุณยายท่านตอบชัดดี ท่านบอกว่า “คุณ
เมื่อคุณทำอย่างนี้ ก่อนนอนใจก็จดจ่ออยู่ในเรื่องนั้น
ตื่นนอนใจก็จดจ่ออยู่ในเรื่องนั้น เมื่อเป็นอย่างนี้
ติดต่อกัน ๓-๔ วัน กายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝัน
ของคุณ ก็เริ่มทำงานน่ะซิ
เพราะคนเราไม่ได้มีกายเนื้อเพียงกายเดียว
แต่มีกายในกาย หรือกายซ้อนกายอยู่ด้วย แล้วไม่ใช่
ซ้อนแค่กายสองกายนะ ซ้อนกันอยู่ในนั้นอีกเป็นสิบ
ถ้าใครฝึกสมาธิมากๆ จะไปเจอกายในกาย
ป ๔๖