การบรรลุธรรมของพระสารีบุตรและการอนุโมทนาของโยมมารดา วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2550 หน้า 69
หน้าที่ 69 / 84

สรุปเนื้อหา

ในเรื่องนี้ พระสารีบุตรผู้เป็นพระอรหันต์ได้ตัดสินใจไปปรินิพพานที่บ้านเกิดเพื่อโปรดโยมมารดา โดยในการมาเยี่ยมก็มีการอัศจรรย์เมื่อเห็นท้าวมหาราชและมหาพรหมมาเยี่ยม จากนั้นท่านได้แสดงธรรมแก่โยมมารดา ซึ่งนำไปสู่การบรรลุโสดาบันของนางและความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย สุดท้ายพระสารีบุตรก็ดับขันธปรินิพพานในห้องที่ท่านเกิด นางพราหมณีรู้สึกถึงอานุภาพอันมีมากมายและเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย จนสุดท้ายทำให้เธอเกิดโอกาสที่จะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

หัวข้อประเด็น

-การบรรลุธรรม
-พระสารีบุตร
-โยมมารดา
-พระรัตนตรัย
-การแสดงธรรม
-โสดาบัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทราบว่าจะอยู่ได้อีกเพียง 5 วันเท่านั้น ท่านนึกถึง โยมมารดาว่า “มารดาของเรา เป็นมารดาของ พระอรหันต์ถึง ๓ องค์ แต่ยังไม่เลื่อมใสใน พระรัตนตรัยเลย” ท่านจึงตกลงใจที่จะไปปรินิพพาน ที่บ้านเกิด เพื่อโปรดโยมมารดา จากนั้นท่านได้ไปกราบทูลลาพระบรมศาสดา แล้วเดินทางออกจากพระนครสาวัตถีพร้อมภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้เป็นศิษย์ เมื่อพระสารีบุตรมาถึงบ้าน นางพราหมณีมารดาของท่านดีใจมาก เพราะคิด ว่าท่านคงจะมาสึก ในคืนนั้น นางเห็นเทวดามาเยี่ยมพระลูกชาย นางจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ใครมา พระสารีบุตรตอบว่า “ท้าวมหาราชทั้ง ๔ (ท้าวจตุโลกบาล) - โยมมารดา : “เจ้าใหญ่กว่าท้าวมหาราช ทั้ง ๔ หรือพ่อ” พระสารีบุตร : “ท้าวมหาราชทั้ง เปรียบ เสมือนเด็กวัด ตั้งแต่พระศาสดาของพวกเราถือ ปฏิสนธิ ก็ถือพระขรรค์เฝ้าคอยดูแลรักษา” โยมมารดา : “ท้าวมหาราชไปแล้ว ใครมาเล่า” พระสารีบุตร : “ท้าวสักกะจอมเทพ” โยมมารดา : “เจ้าใหญ่กว่าจอมเทพหรือ พระสารีบุตร : “ท้าวสักกะก็เช่นเดียวกับ สามเณรผู้ถือสิ่งของ เมื่อครั้งที่พระศาสดาของ พวกเราเสด็จลงจากดาวดึงส์ ก็ถือ ก็ถือบาตร จีวร ตาม ลงมา โยมมารดา : “หลังจากที่ท้าวสักกะไปแล้ว เหมือนสว่างไสว ใครมา” พระสารีบุตร : “นั่นก็คือมหาพรหม ผู้เป็น พระเจ้าและศาสดาของโยม ดู เมื่อโยมมารดาทราบว่า ท้าวมหาพรหม ก็มาเยี่ยมพระสารีบุตร นางจึงถามด้วยความ อัศจรรย์ใจอย่างยิ่งว่า “พ่อยังใหญ่กว่าท้าวมหา พรหมผู้เป็นพระเจ้าของแม่อีกหรือ” พระสารีบุตร รับว่า “ใช่ เล่ากันมาว่า มหาพรหมสี่เหล่านั้น วัน ที่พระศาสดาของพวกเราประสูติ ได้เอาตาข่ายทอง รองรับพระมหาบุรุษ” นางพราหมณีคิดว่า “ขนาดลูกของเรายังมี อานุภาพขนาดนี้ พระศาสดาซึ่งเป็นพระเจ้าของลูก จะมีอานุภาพขนาดไหนหนอ” มหาปีติพลันบังเกิด ขึ้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย พระสารีบุตรทราบว่า ปีติโสมนัสเกิดขึ้นแก่ มารดาแล้ว เป็นเวลาสมควรแก่การแสดงธรรม จึง กล่าวว่า “ขณะที่พระศาสดาประสูติ เสด็จออกผนวช ตรัสรู้ และประกาศพระธรรมจักรนั้น หมื่นโลกธาตุ ยังหวั่นไหว ทั่วสากลโลกไม่มีใครมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและวิมุตติญาณทัสสนะเสมอกับพระพุทธองค์ แล้วพระสารีบุตรก็แสดงธรรมแก่โยมมารดา เมื่อจบ พระธรรมเทศนา นางพราหมณีได้บรรลุโสดาบัน หลังจากนั้น พระสารีบุตรเถระได้ดับขันธปรินิพพาน ในห้องที่ท่านเกิดนั่นเอง นางพราหมณีได้เห็นอานุภาพอันไม่มีประมาณ ของพระสารีบุตรเถระ ผู้เป็นพระสงฆ์สาวกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นางจึงบังเกิดความศรัทธา เลื่อมใสอย่างยิ่งในพระรัตนตรัย ประกอบกับมีโอกาส ได้ฟังธรรมจากพระสารีบุตร นางจึงได้บรรลุโสดาบัน อีกไม่เกิน ๗ ชาติก็จะบรรลุอรหัตผล พ้นจากห้วงทุกข์ ในวัฏสงสาร ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ผู้ใดเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ คือ พระรัตนตรัย ผลอันเลิศย่อมเกิดแก่ผู้นั้น พวกเราชาวพุทธ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนแสวงหาที่พึ่ง อื่นใด เพราะนอกจากพระรัตนตรัยซึ่งมีอานุภาพ อันไม่มีประมาณแล้ว ไม่มีที่พึ่งที่ระลึกใดที่จะ ช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง ها ๑ (มก.๓๐/๔๒๗) ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวเวสวัณ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More