ข้อความต้นฉบับในหน้า
66
ผมอยู่ในทะเลแห่งพลังงานจนถึงเวลา ๔.๑๕ นาฬิกา ตลอดเวลา ผมรู้สึกว่าสามารถ
จะเข้าไปสู่กลางทะเลแห่งพลังงานได้ลึกเข้าไปอีก และรู้ลึกๆ ว่า ตรงนี้คือหนทาง
แห่งพระนิพพาน หลังจากที่ผมได้สัมผัสความสุขนั้นแล้ว มันเป็นสันติสุขที่มีเสน่ห์ครับ
เหมือนกับมีแม่เหล็กดูดคนรอบข้างเข้ามาหาผม ทุกคนอยากมาอยู่ใกล้ผม และผมก็มี
ความสุขมากๆ พร้อมกับอยากแบ่งปันความสุขนี้ให้กับบุคคลอื่นด้วย
เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ และได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนา
ที่สำคัญมากนี้ให้กับมวลมนุษยชาติได้ทำการพิสูจน์
ต่อไป
ในปี ๒๕๕๐ ดูเหมือนว่า คำถามที่แสนท้าทาย
นั้นของไอน์สไตน์ จะได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่น
จากนักฟิสิกส์ในยุคปัจจุบัน คือ ดร.ปารัน กาวดา
หรือ พระดอกเตอร์ปารัน สุนฺทโร อายุ ๕๑ ปี
ซึ่งจบการศึกษาปริญญาเอก สาขานิวเคลียร์
ฟิสิกส์ จากสถาบันเทคโนโลยีอินเดีย ทว่าการค้นพบ
คำตอบของคำถามดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นในห้อง
ทดลองวิทยาศาสตร์ แต่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติธรรม
ด้วยการนั่งหลับตาทำสมาธิ
พระดอกเตอร์ปารัน สุนฺทโร ได้เล่าเรื่องของ
ท่านให้ฟังว่า “ในระหว่างเรียน ผมได้รับแรง
บันดาลใจจากหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนโดย สะวาม วิ
เวขะนันดา ซึ่งเป็นนักบวชแบบโยคี ที่เชื่อว่า สมาธิ
ทำให้โลกสงบสุขได้ คำว่า ทำให้โลกสงบสุข เป็น
คำที่สะกิดสิ่งที่ฝังอยู่ในใจผมเป็นที่สุด ผมบอกกับ
ตัวเองอยู่เสมอว่า เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของการ
สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นกับโลกนี้ให้ได้”
ด้วยความปรารถนาที่จะค้นหาตัวตนที่แท้จริง
ทางจิตวิญญาณ ท่านจึงเริ่มใช้ชีวิตนักบวชแบบโยคี
ร่อนเร่ไปตามที่ต่างๆ ในอินเดีย เพื่อเสาะแสวงหา
ครูบาอาจารย์ ที่จะสอนให้ค้นพบสิ่งที่ได้ตั้งใจเอาไว้
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนชาวอินเดียเคยที่
99
นับถือศาสนาฮินดู ต่อมาได้เปลี่ยนมาบวชเป็น พระ
ในพระพุทธศาสนา เป็นเวลา ๕ ปีแล้ว ชื่อ
พระธรรมเกียรติ จากเมืองอันดาเปรเดส บริเวณ
ตอนใต้ของอินเดีย ได้ส่งจดหมายบอกให้ทราบเรื่อง
โครงการบวชพระธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ ๕ ที่
วัดพระธรรมกาย
“เมื่อได้รับข้อมูลของโครงการ ผมเกิดความ
สนใจที่จะได้มาเรียนรู้อย่างเต็มที่ ได้ตรวจสอบใน
Website และได้เห็นข้อความของหลวงพ่อธัมมชโย
เกี่ยวกับการสร้างสันติสุขโลก ทำให้รู้สึกว่า ถ้ามาที่นี่
ผมจะต้องได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด คือ
การสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกได้จริงๆ”
เมื่อมาถึงวัดพระธรรมกาย หลังเข้ารับการ
อบรมและบวชเป็นพระภิกษุ พระดอกเตอร์ปารัน
ได้เปิดเผยความรู้สึกให้ฟังว่า “การมาบวชเป็นพระ
ที่วัดพระธรรมกาย ผมมีความสุขมากๆ ชีวิตการเป็น
พระสำหรับผมแล้ว ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใดเลย
เพราะผมใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบวชมาโดยตลอด อีกทั้ง
ผมเคยปฏิบัติตนแบบโยคี ซึ่งประพฤติพรหมจรรย์
เช่นกัน ดังนั้น ผมจึงรู้สึกเป็นธรรมชาติมากๆ ใน
การมาบวชเป็นพระครั้งนี้
ในส่วนของการทำสมาธิก่อนหน้านี้ ท่านได้
ฝึกสมาธิแบบโยคะมาหลายสิบปีแล้ว แต่ฝึกได้
ประมาณครั้งละ ๑ ช.ม.เท่านั้น จนกระทั่งได้มา
ฝึกวิธีการนั่งสมาธิเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ท่าน