ข้อความต้นฉบับในหน้า
รับใช้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยการฝึกหัดตามหลักไตรสิกขา
อนุสรณ์ตานุสรณ์ การมั่นน่ะลึกถึงยอดเยี่ยม คือ การน่ะลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทำให้แจ้งปิติสัมมิภา 4 จึงทำให้แหงตลอดดฤฎุต่างๆ เป็นอันมาก คือ การรู้และเข้าใจได้ถูกต้องในเรื่องของธาตุที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นชีวิต มนุษย์และสัตว์ในภพมานต่างๆ ได้ครบถ้วน จนทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้บรรลุภูญาณ คือ โสภาคติดผล สุกากามผล อนาคามผลและอรหันต์ผล การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในแต่ละครั้งนั้น ย่อมเป็นสภาพที่เป็นไปได้โดยยาก ต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน จึงจะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้หลังจากนั้น จึงจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจะเป็นบุคคลพิเศษ ที่ได้สิ่งสมบรมเพื่อจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ ซึ่งกว่าจะทรงค้นพบทางสายกลาง หรือเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา ที่เป็นทางเอกสายเดียวและเป็นความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรง ค้นพบและปฏิบัติได้รับผลสำเร็จเรียบร้อยแล้วนั้น จะต้องอัดด้วยความเพียรพยายามและกำลังใจอย่างมากด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
ถึงแม้ระยะเวลในการสร้างบารมีจะยาวนานเพียงใด กว่าบารมีจะสมบูรณ์พร้อมทุกประการ ก็ไม่ได้ตอดอายุในระหว่างการสร้างบารมี บุคคลนั้นก็จะอุบัติแต่ครั้นจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทรงประโยชน์เป็นอันมากแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยการแนะนำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายรู้ทางหลีก พ้นจากโอษฐ์สภา แล้วไปสู่พระนิพพาน
ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่าบารดาที่ทำประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายในทางสมานนี้ ผู้ที่จะสามารถทำได้เท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบุคคลพิเศษ ที่ไม่มีบุคคลใดเสมอเหมือน และเกิดขึ้นได้ยากยิ่งในโลก ดั่งพุทธดำรัสทีตรีสภารุ่งขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีระยะเวลาในการสร้างบารมี ระยะหนึ่ง
1.พระปัญญาธิฤกษ์พระเจ้า คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสร้างบารมีชั้นดีปัญญาก่อน กล้า ทรงมีพระปัญญามาก แต่มีพระครรภ์น้อย โดยมีระยะเวลาในการสร้างบารมี 20 อสงไขย กับอีกแสนมหากับ ซึ่งมีระยะเวลาในการสร้างบารมีแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1.ทรงดำริในพระอุบาย โดยไม่ได้เอัยปากบอกใคร ใช้เวลา 7 อสงไขย
ระยะที่ 2.เปล่าจากา คือต่ออปปากบอก