ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้ เรียกว่า บริกรรมมินิต นักสมายๆ นักเหมือน
ดวงแก้วนั้น มานั่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 นักไปวกวนไปอย่าง
นุ่มนวล เป็นพูทธารสาติว่า “สัมมา อะระหัง” หรือค่อยๆ น้อมนึกดวงแก้ว
กลมใสให้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้น
ตั้งแต่ฐานที่ 1 เป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆ กับ
คำวณนา
อันนี้ เมื่อนิมิตดวงแก้วกลมใสปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วาง
อารมณ์สบายๆ กับนิมิตนั้น จนเหมือนกันว่า ดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของ
อารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียงดาย ให้วาง
อารมณ์สบาย แล้วนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้น
ไปปรากฏที่อื่น ที่มีชุบนกลางกาย ให้ค่อยๆ น้อมนิมิตเข้ามาอย่าง
ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลาง
กาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้าย
มิดดวงดาวดวงเล็กๆ อีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงมิตดวงเดิม
แล้วสนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆ ตรงกลางนั้นไปเรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุด
ได้ถูกส่วน เกิดการตุกศูนย์ และเกิดดวงสว่างขึ้นมาแทนที่ ดวงนี้เรียกว่า
“ดวงธรรม” หรือ “ดวงปฐมมรรค” อันเป็นประตูเบื้องต้นที่จะเปิดไปสู่
หนทางแห่งมรรคผลนิพนธ์
การระลึกนึกถึงนิมิตสารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ทุกวิธีอธิบาย
ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือขณะทำการกิจใดๆ
คำแนะนำ คือ ต้องทำให้สม่ำเสมอเป็นประจำ ทำเรื่อยๆ
ทำอย่างสบายๆ ไม่รีบ่ง ไม่บังคับ ทำได้แค่ไหน ให้พอใจกัน ซึ่ง
จะเป็นการป้องกันมิให้เกิดความอยากจนเกินไป จนถึงกับทำให้ใจ