กรรมและผลกรรมในชีวิตสัตว์ Dhamma Time เดือน มกราคม พ.ศ.2555 หน้า 13
หน้าที่ 13 / 35

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาในบทนี้กล่าวถึงผลกรรมที่ผู้กระทำต่อชีวิตสัตว์ได้รับในภพชาติถัดไป เป็นข้อเตือนใจถึงการทำกรรมดีและปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อชีวิตในอนาคต นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงประสบการณ์ของพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าพิธีกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างบุญกุศล ซึ่งเป็นมุมมองที่สำคัญต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฏสงสารและคติธรรมในพระพุทธศาสนา สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ dmc.tv

หัวข้อประเด็น

-กรรมและผลกรรม
-การทำบุญ
-พุทธศาสนา
-ชีวิตสัตว์
-พระโพธิสัตว์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เลวและประณีต บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรี หรือบุรุษก็ตาม เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็น คนเหี้ยมโหด ไม่เอ็นดูเกื้อกูลในหมู่สัตว์มีชีวิต เขา ตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะ กรรมที่ทำไปแล้วนั้น หากตายไป แม้ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีอายุสั้น ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อมีอายุสั้นนี้ คือ เป็นผู้มักทำ ชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป ดูก่อนมาณพ จากนั้นพระองค์ทรงยกตัวอย่าง สมัยที่ ยังบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เกิดเป็นลูก ของพราหมณ์มหาศาลมีสมบัติมากมาย มีชื่อว่า ที่ ปายนะ ท่านมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งชื่อ มัณฑพยะ วิ่งหนีเข้าไปในป่าช้าและทิ้งห่อทรัพย์ไว้ที่ประตู บรรณศาลาของพระดาบสส่วนหนึ่ง แล้วรีบหลบ หนีไป พวกมนุษย์ที่ตามมาติดๆ เห็นห่อทรัพย์วาง อยู่หน้าบรรณศาลาเข้า จึงตรงเข้าจับท่านดาบสซึ่ง กำลังทำภาวนาอยู่ภายในห้องนั้น ต่างช่วยกันรุม ทุบตีท่าน แล้วจับส่งพระราชา ฝ่ายพระราชาเองยังไม่ทรงพิจารณาให้ดี เสียก่อน ก็รับสั่งให้ราชบุรุษเอาตัวท่านไปเสียบไว้ที่ หลาว พวกราชบุรุษจึงนำตัวท่านไปเสียบไว้ที่หลาว ไม้ตะเคียนในป่าช้านั่นแหละ ถึงแม้ว่าดาบสจะเป็น ผู้มีฤทธิ์มีเดชมาก ไม่มีใครสามารถฆ่าท่านได้ หาก ท่านจะเหาะหนีไป ก็กลัวเจ้าหน้าที่จะเหมารวมไป ถึงนักบวชทั้งหมดว่าเป็นผู้ไม่มีศีล ต่อไปก็จะอยู่กัน ครั้นเมื่อโตขึ้นรู้สึกไม่เห็นสาระในการที่จะต้องอยู่ อย่างไม่มีความสุข ท่านจึงยอมให้เขาทรมานอยู่ ครองเรือน จึงชักชวนเพื่อนทำบุญให้ทานเป็นการ ใหญ่ ได้ขนสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดมากองไว้หน้าบ้าน ประกาศให้มหาชนมาขนเอาไปโดยไม่มีความรู้สึก เสียดาย เนื่องจากทั้งสองท่านเป็นที่เคารพรักของ คนทั้งเมือง การตัดสินใจออกบวชของท่านทำให้มี ผู้คนต่างร้องห่มร้องไห้เพราะไม่อยากให้ออกบวช เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่เมื่อท่านตัดสินใจ ลงไปที่จะบำเพ็ญเนกขัมมบารมีแล้ว แม้จะมีใคร มาหน่วงเหนี่ยวอ้อนวอนฉุดรั้งเอาไว้ก็ไม่ใส่ใจ ไม่ ห่วงใยอาลัยอาวรณ์ในสิ่งใดทั้งสิ้น ทั้งสองท่านออก ไปสร้างอาศรม บวชอยู่ในป่าหิมพานต์ได้ ๕๐ ปี ก็ ชักชวนกันออกจากป่า เพื่อจะมาเสพรสเค็มรส เปรี้ยวในเมืองบ้าง จึงเที่ยวไปตามชนบทจนถึง เมืองพาราณสี อาศัยอธิมุตติกสุสานเป็นที่พัก บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่หลายวัน ที่ปายนดาบสเห็น ว่าได้พำนักอยู่ที่ป่าช้าหลายวันแล้ว จึงออกเดินทาง ไปหมู่บ้านอื่น เพื่อแนะนำมหาชนให้รู้จักสั่งสมบุญ เหลือเพียงมัณฑพยะดาบสเท่านั้นที่ยังอยู่ในสุสาน นั้นตามลำพัง อยู่มาวันหนึ่ง พวกโจรเข้าไปขโมยของ ภายในเมือง เมื่อเจ้าของบ้านและเจ้าหน้าที่ตื่นขึ้น รู้ว่ามีขโมยแอบเข้ามาก็พากันรีบออกตามจับ โจร อย่างนั้น แต่ทว่าหลาวไม้ตะเคียนที่เอามาเสียบ ร่างกายของท่านนั้น จะเสียบจะแทงยังไงก็ไม่เข้า จึงได้เปลี่ยนเอาหลาวไม้สะเดามาเสียบบ้าง ก็ยัง เสียบไม่เข้าอีก เอาหลาวเหล็กมาเสียบก็ไม่เข้าอีก เหมือนกัน ท่านดาบสจึงใคร่ครวญดูบุพกรรมของ ตนเอง เมื่อระลึกชาติไปดูว่า กรรมอะไรหนอทำให้ ต้องได้รับโทษทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำความผิดในครั้งนี้เลย ท่านจึงรู้เห็นในญาณว่า ในภพชาติก่อนได้เกิดเป็น ลูกชายของช่างไม้ ติดตามไปถากไม้กับบิดา และ จับแมลงวันมาตัวหนึ่งแล้วเอาหนามไม้ทองหลาง มาเสียบ บาปกรรมนั้นจึงตามมาทันแล้ว ท่านรู้ตัว ว่าไม่อาจพ้นบาปกรรมนี้ได้ จึงบอกพวกราชบุรุษว่า “ถ้าท่านต้องการจะเอาหลาวเสียบเราจงใช้หลาว ไม้ทองหลางเถิด” พวกราชบุรุษได้ทำตาม แล้วก็ วางคนซุ่มรักษาอยู่ เพื่อคอยดูผู้ที่จะแอบมาช่วย เหลือดาบส แล้วในวันนั้นเอง ทีปายนดาบสนึกถึง เพื่อนที่ไม่ได้พบกันมาหลายวัน จึงเดินทางกลับ เพื่อมาเยี่ยมท่านที่ป่าช้านั้น ในระหว่างทางเมื่อ ท่านทราบข่าว จึงรีบตรงเข้าไปในป่าช้า เห็นเพื่อน ถูกทรมานอยู่อย่างแสนสาหัสเลือดท่วมตัว บังเกิดความสงสัยไต่ถามว่า “เพื่อนเอ๋ย ท่านได้ทำ ๑๓
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More