ข้อความต้นฉบับในหน้า
เป็นแสงสว่างในสิงคโปร์เป็นจำนวนนับร้อย นับพัน
ทีเดียว มาเลเซียที่กัวลาลัมเปอร์ ไปแสดงธรรม
แต่ละที มีคนมาฟังธรรม ปฏิบัติธรรม นั่ง
สมาธิ(Meditation) สวดมนต์กันเป็นร้อยๆ ต่อเนื่อง
ไปเลยทีเดียว เพราะงั้นจะเห็นว่าบุคคลที่ฝึกตัวเอง
ดีแล้ว สำคัญมากๆ องค์กรธุรกิจไหนต้องการความ
สำเร็จแล้วละก็ให้เน้นการสร้างทีมงาน ฝึกพนักงาน
ของเราให้เก่ง ยิ่งคนไหน คนที่มีความรู้ความ
สามารถ แล้วก็พร้อมจะทุ่มเท ใจชอบ รอบรู้ สู้งาน
ปฏิภาณไว ใจปริสุทธิ์ ครบ ๕ ข้อนี้ละก็ เอาเลย
รักษาเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หลุดมือไปนะ ทำงาน
ก็ ใจชอบด้วย ใจรักด้วย รอบรู้งานทุกอย่างเลย สู้
งานแล้วไม่มี ปฏิภาณก็ไว ใจก็บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์
ไว้ใจได้ อย่างนี้ต้องรักษาเค้าไว้นะ เค้าคือเพชร
ประดับยอดมงกุฎเลยทีเดียวละ
โบราณจะมีคำกล่าวว่า ทหารหาง่าย แต่
พัฒนาตัวเอง
ยอดขุนพลหายาก ถ้าได้ขุนพลมา เดี๋ยวสร้าง
กองทัพได้ เพราะฉะนั้นถ้าได้ขุนพลมาอย่าปล่อย
ให้หลุดมือไป ถามว่าใครคือขุนพล คนที่เข้ามาแล้ว
ตั้งใจฝึกทุ่มเทกับงานอย่างจริงจัง
อย่างต่อเนื่องนั่นแหละคือขุนพล ลองสังเกตดูสิ
ยอดแม่ทัพที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นแม่ทัพที่
ถนอมทหาร คือรักทหาร รักไพร่พล ให้ความสำคัญ
จนกระทั่งไพร่พลมีความรัก ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อ
แม่ทัพ พร้อมจะยอมตายถวายชีวิตให้ ทั้งกองทัพ
รวมกันเป็นเอกภาพ มีพลังมากเหมือนอย่างอเล็ก
ซานเดอร์มหาราช เป็นกษัตริย์กรีกนำทับออกไป
พิชิตโลก
ยกทัพออกมามีกำลังพลแค่ 30,000 กว่า
ศึกแรกหนักที่สุดคือผจญกับกองทัพเปอร์เซียซึ่ง
เป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ในยุคนั้น กองทัพของอเล็ก
ซานเดอร์ มี 30,000 เศษ ฝ่ายเปอร์เซียมา 600,000
คน หนึ่งต่อ 20 ดูแล้วแทบไม่มีประตูสู้เลย แต่ว่า
ความแตกต่างคือ
อเล็กซานเดอร์ฝึกไพร่พลอย่าง
หนักมีความจริงใจ ดูแลเอาใจใส่ ฝึกซ้อม ให้มี
ความชำนาญในการรบ รบเก่งด้วยประสานอย่าง
เป็นเอกภาพด้วย ผลสุดท้าย 30,000 เศษ ตีทัพ
กษัตริย์กรีก าทับออกไปพิชิตโลก
600,000 กระเจิงเลย เพราะทัพ 600,000 ของ
เปอร์เซียมากก็จริง แต่ว่าความรักความทุ่มเท
ความจงรักภักดีต่อแม่ทัพเปอร์เซีย สู้กองทัพของอ
เล็กซานเดอร์ไม่ได้ กองทัพของอเล็กซานเดอร์ไม่มี
ใครเลยที่คิดจะหนี ต่อให้ทัพตนเพลี่ยงพล้ำก็ไม่หนี
สู้จนเรียกว่าเลือดหยดสุดท้าย แต่ทัพ เปอร์เซียเห็น
ท่าไม่ดีเข้าหน่อยเผ่นกระเจิง ผลคือทัพแตก อเล็ก
ซานเดอร์ชนะ เพราะอเล็กซานเดอร์ให้ความสำคัญ
กับพนักงาน ซึ่งในที่นี้ก็คือเหล่าทหารทั้งหลาย
นั่นเอง
ในยุคนี้ก็เหมือนกัน ในสงครามธุรกิจ
แม่ทัพก็คือ CEO ทั้งหลาย ต้องรวมทีมทั้งหมดให้
ได้ พนักงานทุกระดับชั้น ก็เหมือนขุนทัพนายกอง
ถ้าเป็นพนักงานล่างๆ ก็ไพร่พลทหารทั่วไป จะต้อง
รวมเป็นเอกภาพ แล้วได้รับการฝึกที่ดีแล้ว ถ้าเราให้
ความสำคัญกับพนักงานแล้วฝึกเค้าอย่างดีสุดท้าย
ทุกคนรวมใจรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เอาความสำเร็จ
ของบริษัทเป็นที่ตั้ง ทุ่มเทให้เต็มที่ ฝึกตัวเองก็ฝึก
อย่างดี ก็จะเอาความสำเร็จของธุรกิจมาสู่บริษัทได้
ลูกค้าจะแห่กันมา เพราะเราประกอบด้วยเหตุไว้
ดีแล้วนั่นเอง มีตัวอย่างเช่น บริษัท Home service
ก่อสร้างจะรู้จัก HomePro ดีว่า เติมโตเร็วมากๆ
เลยแค่ไม่กี่ปีพรวดพราด ยอดขายล่าสุดไปถึง
60,000 ล้านบาท ขยายสาขาก็เร็วมาก กำไรก็สูง