ข้อความต้นฉบับในหน้า
4, เป็นคัมภีร์ศาสนาพุทธแทนขึ้นด้วยภาษาบาลีจัดอยู่ในประเภทปรัชญาแห่ง
3, พระธรรมย่อมเป็นเรื่องจิตโดย จะกล่าวไปเกี่ยวกับพระธรรมาย (ของพระองค์) ซึ่งมั่งคั่งไปด้วยอาณ
1, ซึ่งมักคงไว้ด้วยอาณ
2, คือพระไตรปิฎกฉบับรองลงมาซึ่งเป็นหลัก
และฉบับพุทธมุน ที่สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ. ๒๒๖-๒๓๕๔ โดยล้มกล่ำ รักษาภิ
และพระราชทานไว้อย่างสำคัญว่า
ควรอธิษฐานสนั้น สัทโธติริโญจิ สุก
ฒมุตมงฃคาญญา สัพพญูญญาติกิ กระมาญมาคู่ พุทธ นเมตไตยอิ้ม ฯ ฯ ฯ โปรดขอญาณใดๆ ฯ ฯ ฯ
ควรจารึกปฏิทิน ดิกญาณเณน สพพญฺพุทธพราวปฏิญาณ ปุญญปุญญ อนุสรณ์พพย์
แปลเป็นไทยได้ว่า “เพราะเหตุที่พระพุทธเจ้า ทงมีพระอัวย่อทุกส่วนสูงสุดอันประกอบด้วย
สัมพัญญุตญาณฯ ที่ธน่าไว้พระธรรมายไม่มีใคร
จะเป็นผู้นำโลกได้เท่า ทรงรังโรจน์กวาเทวดาและ
มนุษย์เหล่าอื่นพระโพธิญาณแก้วกล้า เมื่อ
ปรารถนา จะเป็นพระสัมพัญญูพระเจ้า พึงลัก
ถึงซึ่งพระพุทธลักษณะคือ พระธรรมมายบ่อยๆ สิ่งนี้
แสดงว่าพระพุทธเจ้ารุ่งเรืองเหนือกว่านมนุษย์
และเทวดาทั้งปวงเพราะทรงมีธรรมกายและพระ
ธรรมกายนี้เองสามารถนำไปสู่พระภาคจะได้”
ลำดับถัดมาพบ คัมภีร์อรรถารักษา เป็นหลัก
ฐานชั้นที่ ๑๐
ในคัมภีร์อรรถารักษานี้พบว่า ธรรมกาย
ในภาพที่ ๑ ซึ่งเป็นข้อควาปฏิบัติพุทธ
ธรรมนูญ มีเนื้อหา ให้นำไปนับถือ
มืออยู่ว่า "คาถาบทนี้อธิบายมากขึ้นใน
บ้างถึงการใช้อธิษฐานขึ้นใจจึงเป็นอำนาจ
นักแล"
(โปรดสังเกตว่าการใช้ประโยชน์ของคาถา
ธรรมกาย ด้วยการนำมาเป็นบทสวดหรือท่องจำ
และแสดงถึงการเรียกคาถาบทนี้ว่า คาถาพระ
อธิษฐานหรือคาถาพระธรรมกาย อย่างชัดเจน)